นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย (KASSET) เปิดเผยว่า ในปี 68 คาดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท เป็น 1.8 ล้านล้านบาท และวางแผนเพิ่ม AUM ในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 68-70) ขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 67 คาดว่าจะมี AUM แตะ 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาทจากปี 66 จาก
- กองทุนตราสารหนี้ จำนวน 6 หมื่นล้านบาทโดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ไทยที่มีผลตอบแทน 3.2% YTD ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนลดทอนผลตอบแทน
- กองทุนผสม จำนวน 3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนผสมกลุ่มเวลธ์พลัส ที่บลจ.กสิกรไทยร่วมกับ เจพี มอร์แกน ออกแบบกองทุน โดยมี 3 ระดับความเสี่ยงที่ให้ผลตอบแทน 6-9%
- กองทุนที่ลงทุนกองทุนต่างประเทศ (FIF) จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกองทุน K-GSELECT ที่มีนโยบายกระจายลงทุนหุ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ใหญ่เป็นอันดับ 2
นายวิน กล่าวว่า จากที่ปี 67 มีลูกค้าหันมาลงทุนกองทุนผสมมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนกลุ่มเวลธ์พลัสที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในกองเวลธ์พลัสเป็น Core Port สัดส่วน 80% เพื่อกระจายความเสี่ยงและได้รับผลตอบแทนมากขึ้น จากเดิมลูกค้ามีสัดส่วนการลงทุนหุ้นไทยหรือหุ้นจีนมากเกินไปทำให้เกิดผลขาดทุน ซึ่งปีนี้มีลูกค้า 10% จาก 1 ล้านคน หันมาลงทุนเป็น Core Port แล้ว และในปี 68 จะร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยขยายการขายพอร์ตลงทุนในลักษณะนี้มากขึ้น
อีกส่วน คือ Satellite Port ลงทุนสัดส่วน 20% ในปีนี้แนะนำลงทุนเวียดนามได้ผลตอบแทน 14% ส่วนปี 68 แนะนำให้ลงทุนกองทุน REIT โดยเน้นกองที่ลงทุน Data Center เพราะได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยลดลง
นายวิน มองว่าหุ้นสหรัฐในปีหน้าน่าจะไปต่อได้ และน่าจะทำให้ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะไปต่อได้เช่นกัน จากปัจจัยบวกสำคัญ คือ แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐลดลง เศรษฐกิจสหรัฐยังไปได้ดี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐน่าจะนโยบายอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ให้ระมัดระวังในการลงทุนเพราะตลาดหุ้นสหรัฐแพงแล้ว โดย P/E ขึ้นมาที่ 22 เท่า แต่ไม่น่าเกิดฟองสบู่
*ครึ่งแรกปี 68 ดัชนี SET แกว่ง 1,300-1,450 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไทย นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า ในปีหน้า ตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะมีอัพไซด์มากนัก โดยได้ปรับลดเป้าหมายดัชนี SET จาก 1,600 จุด มาเป็น 1,500-1,550 จุด เพราะเศรษฐกิจเติบโตช้ากว่าคาด และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะเติบโต 5-7% จากเดิมคาดโต 12% โดยกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 95 บาท/หุ้น และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีหน้า
โดยในช่วงครึ่งแรกปี 68 คาดว่าตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ดัชนี SET แกว่งตัวอยู่ในช่วง 1,300-1,450 จุด ส่วนในปี 67 ดัชนี SET สิ้นปีอาจจะไปไม่ถึง 1,400 จุด เพราะเศรษฐกิจเติบโตน้อย
ในปี 68 แนะเลือกหุ้นที่มีปันผลสูง กิจการมั่นคง เช่น กลุ่ม Telecom และ กลุ่มแบงก์ เป็นต้น แนะนำกองทุน K-Value