แหล่งข่าวจากผู้บริหารกองทุนรายหนึ่ง ระบุถึงกรณีที่ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า [CPAXT] เข้าลงทุนในโครงการ The Happitat ผ่านการร่วมลงทุนในบริษัทย่อยบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (AGP) ว่า ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ทางสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) จะมีการประชุมหารือกับตัวแทน CPAXT ถึงการลงทุนดังกล่าว และหากทางบริษัทฯยังยืนยันลงทุนต่อก็ต้องมาพิจารณาว่าอาจจะลดสัดส่วนการลงทุน หรือหยุดลงทุน อย่างไรก็ดี กองทุนประเภท Passive Fund ก็อาจจะลงทุนตามเกณฑ์ของกองทุน
แหล่งข่าวกล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ของ CPAXT ทำให้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เกิดความไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนรายย่อย ดังนั้น จึงพากันเทขายหุ้นทั้ง บมจ.ซีพี ออลล์ [CPALL] (ถือหุ้นใหญ่ CPAXT) และ CPAXT ออกมา ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้น CPAXT หายไปราว 1 แสนล้านบาท และ CPALL หายไปราว 5 หมื่นล้านบาท
"ประเด็นเรื่อง CPAXT กับ แมกโนเลีย เป็น Grey Area ว่าทำถูกหรือผิด ถ้าต้องทำ Transaction กับแมกโนเลียฯ ทาง CPAXT ก็น่าจะปรึกษาหารือกับผู้ถือหุ้น ...ทำให้ Market Cap ของทั้ง CPALL และ CPAXT หายไปเกิน 1 แสนล้านบาท ดีลนี้ก็อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย"แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ในมุมมองของบริษัทจัดการกังวลการเข้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ CPAXT เพราะไม่เคยทำธุรกิจประเภทนี้มาก่อน และที่ผ่านมาบริษัทก็ไม่เคยมีแผนลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนโครงการมิกซ์ยูส ที่จะมีการแจ้งแผนการลงทุนในอนาคต อย่างไรก็ดี บริษัทอธิบายว่าธุรกิจ Hyper Market โตช้าลง จึงได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯ แต่บรรดากองทุนก็สงสัยในฝีมือการบริหารธุรกิจนี้ และการแข่งขันธุรกิจอสังหาฯก็สูงขึ้นมาก ฉะนั้นคงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
ยิ่งไปกว่านั้นในการทำรายการดังกล่าวมีลักษณะการทำรายการเกี่ยวโยงกัน มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกันในเครือซีพี ทั้งในส่วนบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) และ CPAXT ถึงแม้ว่า CPAXT ไม่ได้ลงทุนโดยตรง โดยได้ลงทุนผ่านบริษัทย่อย ซึ่งทางบริษัททำถูกต้องตามกฎหมายและมีการปรึกษากับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว แต่ในภาพรวมทางบริษัทฯน่าจะมาถามความเห็นของผู้ถือหุ้นก่อน และอยากให้มีการเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ แม้ว่ามูลค่าที่เข้าลงทุน 8 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทก็มีเพียง 2-3% แต่ก็ยังมีปัญหาที่ทำให้กังวลใจ
ประกอบกับ ผู้บริหาร CPALL ได้ขายหุ้นออกมาก่อนการทำรายการ บริษัทฯก็ต้องชี้แจงกระบวนการมอนิเตอร์ผู้บริหารระดับสูงในการทำ Transaction ว่ามีการกำกับอย่างไร แล้วบริษัทมี Action อะไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไป บริษัทจะมี Blackout period ก่อนหรือหลังการเข้าทำรายการ
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-20 ธ.ค.) ราคาหุ้น CPAXT ลดลงไป 9.50 บาท หรือลดลง 27.04% มาที่ 25.25 บาท ณ 20 ธ.ค.67 มูลค่าตลาดหุ้น CPAXT อยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท
ส่วนหุ้น CPALL ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นลงไป 9.00 บาท หรือลดลง 14.40% มาที่ 53.50 บาท ณ 20 ธ.ค.67 มูลค่าตลาดหุ้น CPALL อยู่ที่ 4.8 แสนล้านบาท แต่ในวันนี้หุ้นทั้งสองตัวรีบาวด์ขึ้นมา