อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังเห็นโอกาสของกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการและมีศักยภาพในความสามารถการกู้ โดยเป็นกลุ่มที่มีเครดิตดี โดยเฉพาะบ้านแนวราบระดับบนที่ยังมีดีมานด์สูง กลุ่มผู้ซื้อมีรายได้และเครดิตดี ทำให้ธนาคารได้เล็งโอกาสขยายฐานในลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
ขณะที่ภาพรวมของตลาดสินเชื่อบ้านในปี 68 มองว่ายังทรงตัวจากปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเติบโตค่อนข้างต่ำ และมีความท้าทายจากความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ เข้ามามาก รวมถึงกำลังซื้อของคนในระดับกลาง-ล่างที่อาจชะลอลงไป รวมถึงกำลังซื้อของกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังไม่กลับมาดีมากนัก ทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตามไปด้วย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่างทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมยังชะลอตัวต่อเนื่อง
แต่ก็มองว่าการท่องเที่ยวที่กลับมาดี ทำให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงในกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้กลยุทธ์การขยายสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีหน้าจะเป็นการเลือกและเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
ทิศทางการแข่งขันของตลาดสินเชื่อบ้านในปี 68 มองว่ายังแข่งขันที่อัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการสินเชื่อ แต่ธนาคารเองจะดูความเหมาะสมและพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่ละโครงการ รวมถึงการนำระบบไออี การใช้ข้อมูลต่างๆ มาพัฒนาใช้กับการให้บริการ เพื่อทำให้การบริการต่างๆ ของธนาคารไม่ไปรบกวนลูกค้ามากและทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในบริการของธนาคารกสิกรไทย
นายรุ่งเรือง กล่าวว่า คุณภาพสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารกสิกรไทยไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวล เพราะมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ค่อนข้างต่ำ และพฤติกรรมของลูกค้าที่กู้สินเชื่อบ้านไม่ค่อยมีการทิ้งบ้าน อีกทั้งธนาคารยังมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้มั่นใจในการควบคุมคุณภาพหนี้ และในปี 68 ธนาคารคาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างของสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะเพิ่มมาอยู่ที่ราว 4.5 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาท