"ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 80 ล้านหุ้นเข้า SET ใช้ขยายลงทุน-คืนหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 25, 2024 17:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป [ONSENS] ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 80,000,000 หุ้น คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ONSENS ให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ "ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา"และ "คลาย สปา" มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายกิจการ ชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพ รวมถึงธุรกิจอื่นเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อร้าน Happy Rice ซึ่งตั้งอยู่ภายในสาขาของ Yunomori และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ธุรกิจออนเซ็นและสปา

ปัจจุบัน บริษัทฯ ให้บริการออนเซ็นและสปาภายใต้แบรนด์หลัก 2 แบรนด์ ดังนี้

  • แบรนด์ "ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา" (Yunomori Onsen and Spa หรือ Yunomori)

สาขาภายใต้แบรนด์ Yunomori จะให้บริการครบวงจรทั้งออนเซ็นและสปา โดย Yunomori ถือเป็นผู้ให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแห่งแรกของประเทศไทย บริการออนเซ็นของบริษัทฯ มีความโดดเด่นด้วยประเภทบ่อออนเซ็นที่มีความหลากหลายสำหรับให้บริการแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นบ่อยูโนะโมริซิกเนเจอร์ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ บ่อน้ำวน บ่อซิลค์บาธ บ่อบับเบิ้ลบาธ บ่อน้ำเย็น ซึ่งบ่อออนเซ็นแต่ละบ่อจะมีคุณสมสมบัติในการช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่แตกต่างกันเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า

นอกจากนี้ Yunomori ยังให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา (Day Spa) ซึ่งมีทรีตเมนต์ที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยเทคนิคการนวดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์ของ Yunomori รวมถึงทรีตเมนต์เพื่อเสริมความงาม เช่น การนวดสครับผิว การบำรุงผิวกระจ่างใส การนวดยกกระชับผิวหน้า เป็นต้น โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.67 บริษัทฯ มีสาขาภายใต้แบรนด์ Yunomon จำนวน 4 สาขา แบ่งเป็น สาขาในประเทศไทยจำนวน 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาสขุมวิท 26 สาขาสาทร 10 และสาชาพัทยา และสาขาในประเทศสิงคโปร์จำนวน 1 สาขา

  • แบรนด์ "คลาย สปา" (KLAI SPA หรือ KLAI) สาขาภายใต้แบรนด์ KLAI จะให้บริการเฉพาะบริการสปาในรูปแบบเดย์สปา (Day Spa) ที่เน้นการนวดเพื่อสุขภาพโดยนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านการนวดผ่อนคลายด้วยการยึดตัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายภายใต้แนวคิด "Exotic &Friendly" โดยการนำศาสตร์การนวดแบบไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาผสมผสานกับการรูปแบบการให้บริการด้วยความเป็นมิตรของวัฒนธรรมไทย โดยบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการสปาแบรนด์ KLAI สาขาแรกซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ที่ย่านเยาวราช เมื่อวันที่ 23 พ.ค.67

2. ธุรกิจอื่น

  • ธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อร้าน "Happy Rice" ร้าน "Happy Rice" เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดซึ่งตั้งอยู่ในสาขาของ Yunomori ทุกสาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการออนเซ็นหรือสปาเป็นหลัก มีพื้นที่เฉลี่ยต่อสาชาประมาณ 130 ตารางเมตร โดยร้านอาหาร Happy Rice เป็นอีกหนึ่งบริการเสริมที่เข้ามาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในวันพักผ่อนให้สมบูรณ์แบบ ด้วยการนำเสนออาหารญี่ปุ่นสไตล์ โฮมเมด ที่ผสมผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่น ไทย และตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเน้นความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ไปจนถึงการออกแบบบรรยากาศร้านในสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่อบอุ่นอุ่น เรียบง่าย และเต็มไปด้วยความประทับใจในบรรยากาศที่เป็นกันเองให้แก่ลูกค้าในทุกครั้งที่มาเยือน
  • ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ บริษัทฯ นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ชุดยูกาตะ ผ้าพันคอ ร่ม กระติกน้ำ แก้วกาแฟ หมอน ที่ออกแบบร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียง (Collaboration) เพื่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม และสามารถนำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

*โครงสร้างรายได้

รายได้ในปี 64-66 และงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 82.27 ล้านบาท จำนวน 204.96 ล้านบาท จำนวน 273.86 ล้านบาท และจำนวน 210.97 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ ประกอบด้วย

1. รายได้จากบริการออนเซ็นและสปา ถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ โดยในปี 64 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการออนเข็นและสปาจำนวน 49.88 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการล้อกดาวน์ในระหว่างเดือนพ.ค. - ก.ย.64 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้เพียง 7 เดือน

สำหรับปี 65 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการออนเซ็นและสปาจำนวน 168.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 238.59% จากปีก่อนเป็นผลมาจากบริษัทฯ สามารถดำเนินธรกิจได้เต็มปี ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 คลี่คลาย

ในปี 66 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการออนเซ็นและสปาจำนวน 231.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.20% จากปีก่อนจากการที่ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการใช้บริการมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการเปิดประเทศของประเทศจีนซึ่งผ่อนคลายมาตรการเดินทางไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีรายได้จากบริการออนเซ็นและสปาจำนวน 179.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.98% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวน 13,220 คน ในปี 64 เป็นจำนวน 20,844 คนในปี 65 จำนวน 25,040 คนในปี 66 และจำนวน 24,819 คนในงวด 9 เดือนแรกปี 67 ประกอบกับมีค่าบริการเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นจากจำนวน 539 บาทในปี 64 เป็นจำนวน 675 บาท ในปี 65 จำนวน 771 บาทในปี 66 และจำนวน 777 บาทในงวด 9 เดือนแรกปี 67 ตามลำดับ

รายได้จากการขายในปี 64-66 และงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 12.14 ล้านบาท จำนวน 28.79 ล้านบาท จำนวน 33.64 ล้านบาท และจำนวน 27.90 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ รายได้จากการขายของบริษัทฯ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย

1.รายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทฯ เป็นรายได้จากร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดภายได้ชื่อ "Happy Rice" ซึ่งตั้งอยู่ในสาของ Yunomori ทุกสาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการออมเซ็นและสปาเป็นหลัก ดังนั้น รายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจึงเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกับจำนวนผู้ใช้บริการออนเซ็นและสปา ซึ่งในปี 64-66 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 9.23 ล้านบาท จำนวน 25.93 ล้านบาท จำนวน 31.94 ล้านบาท และจำนวน 26.93.93 ล้านบาท

2. รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีจำนวน 2.91 ล้านบาท จำนวน 2.86 ล้านบาท จำนวน 1.71 ล้านบาท และจำนวน 0.97 ล้านบาท ในปี 64-66 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 67 ตามลำดับ โดยรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึก เช่น ชุดยูกาตะ แก้วน้ำ และผ้าพันคอ เป็นต้น และรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับ ONSEN-SG

3. รายได้อื่นในปี 64-66 และงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีรายได้อื่น จำนวน 20.25 ล้านบาท จำนวน 7.28 ล้านบาท จำนวน 8.50 ล้านบาท จำนวนวน 4.04 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 24.61%, 3.55%, 3.11%, 1.92% ของรายได้รวม ตามลำดับ โดยในปี 64 บริษัทฯ มีรายได้อื่นที่สำคัญ ได้แก่ รายได้จากการได้รับส่วนลดค่าเช่าที่ดินและอาคารของสาขาในช่วงสถานการณ์ล็อกดาวน์ จำนวน 9.51 ล้านบาท และรายได้ค่าที่ปรึกษาในการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้แก่ ONSEN-SG จำนวน 6.16 ล้านบาท และสำหรับปี 65-66 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 67 รายได้อื่นที่สำคัญ ได้แก่ รายได้จากการตัดจำหน่าย Voucher ของลูกค้าที่ครบกำหนดอายุและดอกเบี้ยรับ

กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ในปี 64 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 36.51 ล้านบาท และมีกำไร สุทธิจำนวน 14.77 ล้านบาท ในปี 65 และจำนวน 43.52 ล้านบาท ในปี 66 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.23% และ 15.92% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ขาดทุนในปี 64 เกิดจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงทำให้บริษัทฯ เปิดให้บริการได้เพียง 7 เดือน ในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นต้นทุนคงที่ เช่น ค่าใช้จ่ายสำนักงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย และดอกเบี้ยที่เกิดจากสัญญากู้ยืมระยะยาวและจะจากหนี้สินสัญญาเช่า เป็นต้น และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลาย บริษัทฯ สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ จึงส่งผลให้รายได้จากการให้บริการและรายได้จากการขายเริ่มฟื้นตัว และมีผลกำไรสุทธิในปี 65 และ 66

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 25.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.94% ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิจำนวน 32.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 15.94% โดยการลดลงของกำไรสุทธิเป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น

          โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่                                  ก่อนเสนอขาย                                        หลังเสนอขาย
          1.กลุ่มนายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล                 67,180,000 หุ้น คิดเป็น 30.54%          67,180,000 หุ้น คิดเป็น 22.39%
          2.นายไตรรัตน์ ธนารุ่งโรจน์                      39,879,000 หุ้น คิดเป็น 18.13%           39,879,000 หุ้น คิดเป็น 13.29%
          3.นายวรเวช ไตรกิศยเวศ                         31,903,000 หุ้น คิดเป็น 14.50%          31,903,000 หุ้น คิดเป็น 10.63%
          4.นายเพชร   คงแสงไชย                        30,375,000 หุ้น คิดเป็น 13.81%           30,375,000 หุ้น คิดเป็น 10.12%
          5.นายเอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์                      14,356,000 หุ้น คิดเป็น   6.53%          14,356,000 หุ้น คิดเป็น   4.79%





เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ