หุ้น JMART-JMT กอดคอร่วงหนัก เมื่อเวลา 14.16 น. โดย JMART ร่วงไป 11.02% หรือ ลดลง 1.40 บาท มาอยู่ที่ 11.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 113.37 ล้านบาท
JMT ร่วง 15.82% หรือลดลง 2.80 บาท มาอยู่ที่ 14.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 821.01 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [JMART]และ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส [JMT] ร่วงลงอย่างหนักคาดตอบรับ Sentiment เชิงลบจากประเด็นการนำหุ้นไปวางขอกู้มาร์จิ้น (Margin loan) ของบมจ.อาร์เอส [RS] จึงกลับมาสร้างความกังวลให้กับหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีข่าวทำนองนี้อีกรอบ ก่อนหน้านี้ก็เป็นที่ทราบดีว่าผู้บริหาร JMART ได้ออกมายอมรับว่ามีการใช้หุ้นไปค้ำประกันเงินกู้ ส่งผลให้เกิดการถูกบังคับขาย (Forced Sell) ในปีที่ผ่านมา
หากดูในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ผลประกอบการของ JMART กลับมามีกำไร ส่วนธุรกิจของ JMT ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/67 และไตรมาส 3/67 กระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ก็กลับมาแล้ว ส่วนไตรมาส 4/67 ก็คาดว่าจะทำจุดสูงสุดกว่าทุกๆ ไตรมาส ทำให้มองว่างบการเงินไม่น่ามีปัญหาอะไร
ขณะที่ JMART ชี้แจงว่าจากสถานการณ์ของราคาหุ้นที่ปรับลดลง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจำนำหุ้นแต่อย่างใด บริษัทพร้อมลุยธุรกิจเต็มพิกัดรับปีมะเส็ง เดินหน้าตามกลยุทธ์ CommerceTech - Fin Tech ผนึกกำลัง Synergy ธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี มี Ecosystem ที่ครบวงจร วางเป้ากำไรปี 68 เติบโตจากปี 67 เดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร ผลงานพลิกฟื้นตามนัด มองเทคโนโลยี คือ จุดเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน โดย บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด เตรียมเผยข่าวดีเร็ว ๆ นี้
ด้าน JMT ส่งสัญญาณปีนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ยังแข็งแกร่ง ผลจากการปรับกลยุทธ์การติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิดทำให้ ช่วงที่ผ่านมา ลูกหนี้มีอัตราเร่งลูกค้าปิดบัญชี และกระแสเงินสดเข้ามาปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ หนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ในระบบยังมีอีกจำนวนมาก ข้อมูลจากเครดิตบูโร ระบุ ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 67 พบหนี้เสีย (NPL) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงมองเป็นโอกาสของ JMT เข้ามาช่วยบริหารจัดการหนี้เสียจากสถาบันการเงิน แก้ปัญหาลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับคืนสู่ระบบ สร้างการเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าปี 68 งบลงทุนซื้อหนี้ไว้เบื้องต้น 2,000 ล้านบาท