นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนธ.ค.67 (สำรวจระหว่างวันที่ 18-31 ธ.ค.67) พบว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" ที่ระดับ 78.52
นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การนำเข้าส่งออกสินค้าและสถานการณ์เงินเฟ้อ
FETCO Investor Confidence Index สำรวจในเดือนธ.ค.67 สรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค.68) อยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ที่ระดับ 78.52
- ความเชื่อมั่นรายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา"
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพาณิชย์ (COMM)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ผลสำรวจ ณ เดือนธ.ค.67 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 15.6% อยู่ที่ระดับ 85.71 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 22.2% อยู่ที่ระดับ 70.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลดลง 34.2% อยู่ที่ระดับ 77.78 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 43.7% อยู่ที่ระดับ 75.00
ในช่วงเดือนธ.ค.67 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ในการกระตุ้นตลาด มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือนนี้ค่อนข้างเบาบางและยังมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนเล็กน้อยจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปี 68 และเม็ดเงินไหลเข้าจากการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีในช่วงสุดท้ายของปี
SET Index ณ สิ้นเดือนธ.ค.67 ปิดที่ 1,400.21 จุด ปรับตัวลดลง 1.9% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,552 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 146,906 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี Donald Trump ในวันที่ 20 ม.ค.68 โดยเฉพาะการประกาศนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินการทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมทั้งความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยจากมาตรการกีดกันการค้าของ Trump 2.0 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังงบประมาณสามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาครัฐและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน