MEDEZE รอ สธ.ตั้ง Sandbox 3 จุดช่วยร่นเวลาส่ง Stem Cell ออกสู่ตลาด จ่อผนึกทุนโอมานตั้งเซลล์แบงก์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 14, 2025 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมดีซ กรุ๊ป [MEDEZE] เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างเตรียมทำ Sandbox เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการใช้ Stem Cell หลังจากออกประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการใช้ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูงในสถานพยาบาลทดลอง (ATMPs Sandbox) ที่มีนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ กรรมการบริหารในสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เป็นประธาน

ในเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ 3 แห่งที่จะทำ Sandbox อยู่ในกรุงเทพ 2 แห่ง และภูเก็ต 1 แห่ง ภายใน Sandbox จะมีห้องแล็ป สถานพยาบาล และผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานที่ โดยคาดว่าอีก 3 เดือนน่าจะเริ่มดำเนินการ และน่าจะสรุปผลจาก Sandbox คาดภายในอีก 2 ปี หรือภายในสิ้นปี 69 ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาและสามารถนำผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง (Advanced Therapy Medical Porducts :ATMPs) เช่น Stem Cell ที่ทำใน Sandbox ออกมาใช้งานจริง ช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Wellness & Medical Hub

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่งออกประกาศแนวทางอนุญาตผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูงแบบมีเงื่อนไข เมื่อ 24 ต.ค.67 ซึ่งจะต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะได้ใบอนุญาตคาดใช้เวลา 7-8 ปี โดยงานวิจัยกว่าจะแล้วเสร็จก็น่าจะใช้เวลา 3-5 ปี ซึ่งแต่ละงานวิจัยก็ต้องขออนุญาตเกี่ยวกับจริยธรรมทางการแทพย์ที่ใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งต้องหาคนไข้มาร่วมงานวิจัยเพื่อประเมินผลก่อนและหลังการใช้ Stem Cell ที่มองว่าจะไม่ทันกับเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการทำ Sandbox จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้

นพ.วีรพล มองว่า อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงการสนับสนุนเทคโนโลยี Stem Cell เมื่อวานนี้ คงเห็นว่าในต่างประเทศการศึกษางานวิจัย Stem Cell ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งก็จะมีมาตรฐานความปลอดภัยออกมา และ อย.ก็มีประกาศรับรองออกมาแล้ว หากเราได้ทำ Sandbox ก็จะทำให้เรามีงานวิจัยและการทดลองใช้ควบคู่กันไป เพื่อผลักดันให้มีการออกผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูงให้ได้เร็วขึ้นภายใน 1-2 ปี

"Sandbox สำคัญเนื่องจากกฎเกณฑ์ต่างๆของมาตรฐานมันค่อนข้างใช้ระยะเวลายาวนาน แต่ว่าประเทศอื่นเขานำเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่อง Stem Cell เกือบเสร็จในเฟส 3 ในหลายประเทศแล้ว แต่ประเทศไทยเรายังค่อนข้างช้าอยู่"นายแพทย์วีรพล กล่าว

อย่างไรก็ดี ในการทำ Sandbox คงจะไม่ได้ทำงานวิจัยสำหรับภาวะโรคที่มีความเสี่ยงสูง และความเสี่ยงปานกลาง แต่จะเน้นวิจัยสำหรับภาวะโรคความเสี่ยงต่ำ เช่น ข้อเข่าเสื่อม เบาหวาน ไตเสื่อม ตับอักเสบ เป็นต้น ไม่เน้นโรคที่มีภาวะแทรกซ้อนสูง

"ลึกๆแล้ว Sandbox ก็เหมือนกับการประกาศว่าภาครัฐเขาสนับสนุนผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูงอย่าง Stem Cell เป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่ MEDEZE นำเสนอใช้ Stem Cell มารักษาโรคได้ ตามที่ อย.กำหนดว่า Stem Cell ว่าเป็นยา ไม่ใช่แพทยสภาเป็นผู้กำหนด โดยปัจจุบัน MEDEZE น่าจะเป็นบริษัทเดียวที่มีห้องแล็ปที่ใหญ่สุด และมีฐานะการเงินแข็งแกร่งที่ค่อนข้างโปร่งใส และมีนักวิทยาศาสตร์ที่มากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมในการเดินหน้าธุรกิจ Stem Cell"

*เตรียมแผนร่วมลงทุนกระจายหลายประเทศ

นพ.วีระพล กล่าวถึงความคืบหน้าหลังร่วมพูดคุยทางธุรกิจและปรึกษาหารือเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตกับ Oman Investment Authority และ Invest OMAN ประเทศโอมาน ว่ามีโอกาสที่เข้าร่วมทุน (JV) ในธุรกิจธนาคารเซลล์เพื่อขยายตลาดในโอมาน โดยบริษัทไม่ได้ลงทุนเป็นตัวเงินแต่นำเทคโนโลยีไปแลกเปลี่ยนกับการลงทุน ซึ่งโดยปกติการลงทุนในแต่ละประเทศจะใช้เวลา 5 ปี อย่างไรก็ดี ในปี 68 คาดว่าจะเห็นการร่วมลงทุนตังธนาคารเซลล์ในต่างประเทศ 1 แห่ง หลังจากเจรจากันมานาน 5 ปีแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนงานว่าจะขยายตลาดไปต่างประเทศต่อเนื่อง ซึ่งก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนกับพันธมิตรในต่างประเทศมาแล้ว 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมาอยู่แล้ว ซึ่งต่อไปจะเจรจาเข้าไปลงทุนธนาคารสเต็มเซลในประเทศดังกล่าวต่อไปที่จะใช้รูปแบบการลงทุนเหมือนในโอมาน ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับรายได้จากบริการใหม่เพิ่มขึ้น

นพ.วีระพล คาดว่าในปี 68 รายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 25% จากปี 67

วันนี้ ราคาหุ้น MEDEZE ปิดที่ 9.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+2.75%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ