นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วม ได้รับมอบอำนาจจากผู้ถือหุ้นกู้ บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น [STARK] 251 ราย ยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญา เปิดเผยว่า วานนี้ (14 ม.ค.68) เป็นวันแรกที่ศาลอาญาได้เริ่มนัดไต่สวนพยานนัดแรก เป็นพยานฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกำกัลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งเช้าและบ่าย เพื่ออธิบายความเป็นมาของคดีให้ศาลฟัง นำเสนอข้อเท็จจริงเบื้องต้น และความผิดที่ ก.ล.ต.ค้นพบเกี่ยวกับเรื่องปลอมแปลงบัญชี แสดงงบการเงินอันเป็นเท็จ ซึ่งคดี STARK เริ่มต้นจากการกล่าวโทษของ ก.ล.ต.และส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ไปตรวจสอบ
โดยวานนี้จำเลย คือ อดีตผู้บริหาร STARK คือ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ที่มีโซ่ตรวนทั้งมือเท้า นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ นั่งฟังคำไต่สวน
คดีนี้มีประชาชนเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ 23 ราย และตนได้รับมอบอำนาจจากผู้ถือหุ้นกู้ STARK มาร่วมเป็นโจทก์ร่วม เพื่อเรียกค่าเสียหายในคดีอาญาด้วย โดยหากคดีอาญาเดินได้เร็วและสิ้นสุดลงก่อน ศาลฯ อาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายได้ ซึ่งวันนี้ได้ยื่นคำร้องขอค่าเสียหายให้ผู้ถือหุ้นกู้ 251 ราย คิดเป็นเงินหลักร้อยล้านบาท ดังนั้น อยากให้ผู้เสียหายหุ้นกู้ STARK ที่เหลือกว่า 4 พันรายติดตามคดีอาญาให้ดี ถ้าศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยผิดในคดีอาญา ศาลอาจบังคับค่าเสียหายทางแพ่งพร้อมไปกับคดีอาญาก็เป็นไป
นอกจากนี้ ทนายจำเลยได้ขอเอกสารจาก STARK เป็นการตรวจสอบการทุจริตภายในของบริษัท (Foensic report) และควรจะต้องเปิดเผยเป็นหลักฐานในชั้นศาลเพื่อจะได้รับรู้ว่าผู้บริหารคนไหนทุจริต และต้องรับผิด แต่ผู้บริหาร STARK บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะหาเจอหรือไม่ ซึ่งน่าแปลกใจ เพราะเอกสารนี้บริษัทให้ดีลอยด์เป็นคนทำ
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า อัยการจะนำสืบพยาน 80 ปากตลอดปี 68 มีโจทก์ร่วม 23 ราย มีทนายจำเลยร่วม 11 รายฉะนั้นในการสอบถามพยานแต่ละปากคงใช้เวลานานมาก หากไต่สวนเสร็จใน 1 ปี ศาลก็คงใช้เวลาพิจารณาคดีครึ่งปีแรก ปี 69 เพราะเป็นคดีที่ประชาชนเสียหายเป็นจำนวนมาก และสังคมติดตามใกล้ชิด เชื่อว่าศาลคงไม่อยากใหัคดีล่าช้า และจำเลยก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอาญา กำหนดสืบพยานคดี STARK ตลอดทั้งปี 68 รวม 80 ปาก เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 68 จนถึงวันที่ 18 ธ.ค.68