นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ กางแผนธุรกิจปี 68 ขยายฝูงบินเพิ่มอีก 14 ลำ นำมาจากไลอ้อนแอร์กรุ๊ปที่เป็นบริษัทแม่ จากปัจจุบันมี 26 ลำ แบ่งเป็นโบอิ้ง 737-800 ขนาด 189 ที่นั่ง จำนวน 19 ลำ และโบอิ้ง 737-900 ER ขนาด 215 ที่นั่ง จำนวน 7 ลำ
ไทย ไลอ้อน แอร์ มีแผนรับมอบเครื่องบินในครึ่งปีแรกอย่างน้อย 5 ลำ โดยได้รับการยืนยันแล้วจะรับมอบในเดือน ก.พ. 1 ลำ, เดือน มี.ค. 1 ลำ และเดือน เม.ย. 2 ลำ ทั้งนี้ สิ้นปี 68 จะมีจำนวนฝูงบินเพิ่มเป็น 40 ลำ จะเท่ากับช่วงก่อนโควิด
ทั้งนี้ เครื่องบินที่รับมอบเข้ามาในปีนี้จะนำมาเปิดเส้นทางบินใหม่ และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน โดยสายการบินฯ พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย (Tourism Hub) อีกทั้งยังคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารตามมาตรฐานการบินอยู่เสมอ
นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ ไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า สายการบินฯ วางแผนเพิ่มเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่เน้นในเอเชีย โดยวันที่ 21 ม.ค.นี้ จะเปิดบินเกาสงและโอกินาวา (แวะเกาสง) อีกทั้งในช่วงตารางบินฤดูร้อนได้วางแผนจะกลับมาบินเส้นทางนาโกย่า และเปิดบิน ดอนเมือง-ไทเป-นาโกย่า เริ่มเดือน มี.ค.68 โดยแวะเกาสง หรือ ไทเป เพราะเป็นข้อจำกัดของเครื่องบิน
นอกจากนี้ ในปลายเดือน มี.ค.68 จะเพิ่มความถี่เส้นทางจาการ์ตาจาก 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เป็น 14 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และกลับมาบินบาหลี 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เพราะเป็นเส้นทางท่องเที่ยว และรองรับการความต้องการของผู้โดยสารที่ไม่ได้เดินทางแบบ Point to Point แต่อาจจะต่อเครื่องบินไปจุดอื่นได้ด้วย
ส่วนจุดบินในจีน และอินเดียจะไม่ได้เพิ่มเส้นทางบินใหม่ เพราะไทย ไลอ้อน แอร์ มีเส้นทางบินไปมากพอแล้ว โดยจีน ทำการบิน 6 เส้นทาง ได้แก่ เฉิงตู, หางโจว, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เซินเจิ้น, ซีอาน ส่วนอินเดีย ทำการบิน 7 เส้นทาง ได้แก่ มุมไบ, บังคาลอร์, โกชิ, อาห์เมดาบัด, อัมริตสาร์, เชนไน, กัลกัตตา โดยอาจจะพิจารณาเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินเมืองรองอินเดีย
อีกทั้งจะเปิดเส้นทางเมืองรองในประเทศมากขึ้น เพื่อขยายเน็ตเวิร์คเพิ่มขึ้นรวมถึงจะพิจารณาเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศจากอู่ตะเภาซึ่งเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีอาจจะบินเส้นทางเอเชียเหนือ ญี่ปุ่น เกาหลี จากที่บินอยู่เป็นเส้นทางอู่ตะเภา-เชียงใหม่
ปัจจุบันสายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ ให้บริการ เส้นทางบินภายในประเทศ บินตรงจากดอนเมืองไปยัง จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, พิษณุโลก, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, ภูเก็ต, หาดใหญ่, ตรัง, นครศรีธรรมราช และมีเส้นทางบินข้ามภูมิภาคในประเทศ 2 เส้นทางได้แก่ อุดรธานี - หาดใหญ่ และ อู่ตะเภา - เชียงใหม่
*วางเป้าปี 68 กลับมาบิน 50% จากช่วงก่อนโควิด
นางนันทพร กล่าวว่า ในปี 68 ไทยไลอ้อนแอร์จะเน้นขยายฝูงบินให้กลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด ให้ได้มากที่สุด จากที่เริ่มเห็นธุรกิจการบินฟื้นตัวตั้งแต่ปี 66 และปี 67 เห็นแนวโน้มค่อนข้างดี โดยคาดว่าในปี 68 บริษัทจะกลับมาทำการบินได้ 50% ของก่อนโควิด ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสาร 13 ล้านคน ส่วนในปี 67 ผลประกอบการดีขึ้น ขาดทุนลดลง
ในปี 67 ไทยไลอ้อนแอร์ มีจำนวนผู้โดยสาร 6 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ย 85% ส่วนในปี 68 คาดว่าจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ซึ่งยังต้องรอดูในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถรับมอบเครื่องบินได้ตามเป้าหมายหรือไม่ โดยตั้งเป้า Load Factor เส้นทางระหว่างประเทศเฉลี่ย 75% ส่วนเส้นทางในประเทศเฉลี่ย 85% โดยมีสัดส่วนเที่ยวบินในประเทศ 60% ระหว่างประเทศ 40%
*ไม่หวังตลาดจีนบูม หลังเห็นสัญญาณ "ซิงซิง" เอเฟ็กต์ทำป่วน
นายอัศวิน กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์การลักพาตัว "ซิงซิง" นักแสดงจีน ต้นม.ค.68 ส่งผลกระทบให้เครื่องบินเช่าเหมาลำของไทยไลอ้อนแอร์ ถูกยกเลิกช่วงเทศกาลตรุษจีนไป 40 เที่ยวบินซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่ภูเก็ต ส่งผลให้ผู้โดยสารจีนลดลงกว่า 20% โดยเมืองที่ขอยกเลิกบินมาไทย จากเมืองหนิงโปว เหอเฟย จี่หนาน อย่างไรก็ดี เที่ยวบินไปจีนในเส้นทางประจำไม่ได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันเส้นทางไปจีน มีสัดส่วนผู้โดยสารไทยกับจีน 50:50 แต่ยอดจองล่วงหน้าในช่วงตรุษจีนช้าลงไป
นางนันทพร กล่าวว่า ในปี 68 ไทยไลอ้อนแอร์ไม่ได้เน้นตลาดจีนเป็นหลัก ไม่ได้คาดหวังจากนักท่องเที่ยวจีน ที่ผ่านมามีคนไทยไปเที่ยวจีนมากกว่าคนจีนมาไทย ดังนั้น จึงไม่ได้เน้นจุดไหนเป็นพิเศษ อย่างที่ทราบ นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวจากเศรษฐกิจจีนเอง และรัฐบาลกลางก็สนับสนุนใหัคนจีนเที่ยวในประเทศ อย่างไรก็ดี จะขอทำการศึกษาตัวเลขตลาดให้ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มกลับไปไปบินเพิ่มในจีน
ทั้งนี้ ก่อนโควิด ไทยไลอ้อนแอร์บินไปจีนกว่า 30 เมือง รวมเครื่องเช่าเหมาลำ