ตลท.เปิดตัว SET Carbon ช่วย บจ.เข้าถึง Green Loan รอรับกฎหมายโลกร้อนเข้า ครม.เดือนหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 16, 2025 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลท.เปิดตัว SET Carbon ช่วย บจ.เข้าถึง Green Loan รอรับกฎหมายโลกร้อนเข้า ครม.เดือนหน้า

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันภาครัฐและผู้ลงทุนมีความต้องการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 67 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประมาณ 30% ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างครบถ้วน ขณะที่ บจ. อีกจำนวนมากยังต้องการเครื่องมือช่วยจัดทำรายงานให้รองรับกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว

ตลท.จึงพัฒนาระบบ SET Carbon ให้เป็นเครื่องมือจัดการข้อมูลและคำนวณข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยระบบเปิดให้องค์กรธุรกิจใช้งาน 16 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ตลท.ยังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เพื่อขับเคลื่อนการจัดการข้อมูลผ่าน SET Carbon ตั้งแต่ต้นทางของข้อมูล ไปจนถึงปลายทางในการนำข้อมูลมาให้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อสีเขียว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ บจ.เพื่อลดการรายงานซ้ำซ้อน และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น

*เล็งร่างกม.โลกร้อนเข้าครม.ก.พ.นี้ คาดมีผลบังคับปี 69

นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เร่งจัดทำร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ร่างกม.โลกร้อน) โดยเมื่อเดือน ธ.ค.67 คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ได้เห็นชอบให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาในเดือน ก.พ.68 เพื่อเห็นชอบในหลักการ จากนั้นจะส่งให้กฤกษฎีกาตรวจร่างก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในสมัยประชุมหน้า หรือราวเดือน ส.ค.68 คาดว่าร่าง พ.ร.บ.น่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 69

ร่างกฎหมายฯ ฉบับนี้จะเป็นการสร้างสมดุลในมิติการบังคับและการสนับสนุนให้ประเทศเกิดความพร้อมและมีศักยภาพในการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมและเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน โดยมีกลไกการเงินจากกองทุนสภาพภูมิอากาศ (Climate Fund) ร่วมกับการจัดหมวดหมู่กิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่จะเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงิน (Taxonomy) และกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) เพื่อเร่งการลงทุนและการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศภายใต้กฎกติกาและกลไกทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

สำหรับการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง ตลท.และกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ ในวันนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับและลดภาระในการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากภาคเอกชนภายใต้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะนำไปใช้พิจารณารูปแบบของกระบวนการจัดสรรสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading Scheme: ETS) ที่จะเชื่อมกับการส่งเสริมโครงการคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใต้ตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย และการพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้เกี่ยวข้องในระยะยาวต่อไป

นายพิรุณ กล่าวว่า หลังจากที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ กรมฯจะใช้เวลาเก็บข้อมูล ESG Rating ในปี 70-72 ตามที่บริษัททุกกลุ่มรายงาน ระยะเวลา 3 ปี และในปี 73 จะเริ่มใช้เกณฑ์การจัดสรรสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เอกชนจะต้องจ่ายเงินซื้อสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นรายปี โดยจะจัดสรร 5 ปีให้รับรู้ล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นสิทธิที่ให้เปล่าและสิทธิที่ต้องซื้อ

อย่างไรก็ดี ในช่วงเริ่มต้น 3 ปีแรก Climate Fund จะนำเงินจากภาครัฐก่อน เริ่มต้น 5,000 ล้านบาท/ปี หลังจากจะมีเงินเข้ามาตามกลไก ETS ที่คาดว่าจะมีเงินเข้ามาประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท/ปี ที่จะมาจากบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนเกินกว่าสิทธิ โดยกรมฯผ่านทางอนุบัญญิติจะกำหนด Sector ที่มีโอกาสปล่อยคาร์บอนมาก

*EXIM BANK หนุน Climate Finance ในไทย ดอกเบี้ยต่ำ

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า เครื่องมือทางการเงินเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Finance เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเติบโตได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันโลกยังคงมีความต้องการ Climate Finance อีกมาก

EXIM BANK จึงมุ่งดำเนินบทบาท Green Development Bank เร่งเติมเต็ม Climate Finance ในประเทศไทย ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว ให้ความสำคัญกับการรายงานข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และมาตรฐานสากล ยกระดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับโครงการหรือกิจการที่มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการนี้ ทุกภาคส่วนต้องบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ภายในองค์กรและบูรณาการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า

ทั้งนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว EXIM BANK พร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน เพื่อแบ่งเบาภาระและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเงินทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นเพียง 1.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอด 3 ปี 4.99% ต่อปี)

ความร่วมมือระหว่าง ตลท. กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ และ EXIM Bank จะสร้างระบบนิเวศข้อมูลด้านความยั่งยืนที่ครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจไทยเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนได้สะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนากลไกสนับสนุนธุรกิจให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนได้ในตลาดโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ