สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (20 - 24 มกราคม 2568)
ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 474,244 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 94,849 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 7% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 55% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 259,340 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดย กระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 162,365 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขาย เท่ากับ 25,717 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% และ 5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB346A (อายุ 9.4 ปี) LB353A (อายุ 10.2 ปี) และ LB29NA (อายุ 4.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 21,388 ล้านบาท 20,511 ล้านบาท และ 17,366 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT261B (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,377 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รุ่น CPALL256C (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 1,198 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น BJC283A (A) มูลค่าการซื้อขาย 904 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นในตราสารระยะสั้น 8-14 bps. เนื่องจากนักลงทุนปรับมุมมองคาดการณ์การปรับอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในปีนี้ ขณะที่ Bond Yield ในตราสารระยะยาวปรับตัวลดลงประมาณ 4-11 bps. ส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ด้านปัจจัยต่างประเทศ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% เพิ่มจากเดิมที่คาดการณ์เมื่อเดือนต.ค.2567 ที่ระดับ 3.2% ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% อย่างเร็วที่สุดในเดือนก.พ. แต่ยังไม่ปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับจีนในทันที ด้านผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% และส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด
สัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 24 มกราคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 9,064 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 1,521 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 7,551 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 8 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี
(20 - 24 ม.ค. 68) (13 - 17 ม.ค. 68) (%) (1 - 24 ม.ค. 68)
มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 474,243.97 441,616.76 7.39% 1,481,857.81
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 94,848.79 88,323.35 7.39% 87,168.11
ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 107.32 106.64 0.64%
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 107.31 107.18 0.12%
เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --%
ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี
สัปดาห์นี้ (24 ม.ค. 68) 2.01 2.04 2.05 2.05 2.11 2.3 2.52 2.85
สัปดาห์ก่อนหน้า (17 ม.ค. 68) 1.87 1.94 1.97 2.09 2.17 2.41 2.59 2.95
เปลี่ยนแปลง (basis point) 14 10 8 -4 -6 -11 -7 -10