(เพิ่มเติม) TTA คาดครึ่งหลังปี 51 รายได้อาจลดลง แต่ทั้งปีค่าระวางเรือสูงกว่าปีก่อน

         ม.ล.จันทรจุฑา จันทรฑัต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) คาดช่วงครึ่งหลังปี 51 ธุรกิจแนวโน้มเดินเรืออาจมีรายได้ต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากไตรมาส 4/51 (ก.ค.-ก.ย.51) เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ประกอบกับ รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งหยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อลดมลพิษในช่วงการแข่งชันโอลิมปิคที่กำลังจะมาถึงในเดือน ส.ค.นี้ จึงส่งผลต่อธุรกิจเดินเรือที่อาจจะมีปริมาณขนส่งสินค้าลดลงในช่วงนั้น
          "ตอนนี้เริ่มมีคำสั่งจากรัฐบาลจีนให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษสูงปิดกิจการในช่วงโอลิมปิค ซึ่งเป็นเวลา 1-2 เดือน อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเดินเรือและปกติ ช่วงไตรมาส 4 ก็เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจทั่วไป และก็ยังเป็นโลว์ซีซั่นธุรกิจเดินเรือด้วย" กรรมการผู้จัดการ TTA กล่าว 
          อย่างไรก็ตาม  น.ส.นุช กัลยาวงศา ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี TTA ยังเชื่อว่า อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยทั้งปี 51 ยังน่าจะสูงกว่า 2 หมื่นเหรียญ/วัน/ลำ สูงกว่าปีก่อนที่มีค่าระวางเรือเฉลี่ย 15,400 เหรียญ/วัน/ลำ
          "ในไตรมาส 3 ยังเชื่อว่าค่าระว่างเรือจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่ 2.5 หมื่นเหรียญ/วัน/ลำ ซึ่งเฉลี่ยทั้ง 3 ไตรมาสก็จะอยู่ในระดับนี้ ไตรมาส 4 ถูกมองว่าเป็นโลว์ซีซั่นและค่าระวางเรือปรับลดลง ก็แต่เฉลี่ยทั้งปีก็จะยืนเหนือ 2 หมื่นเหรียญ/วัน/ลำ" นส.นุชกล่าว
*คาดปี 52-53 เข้าสู่ขาลง เตรียมหาธุรกิจใหม่รองรับ 
           ม.ล. จันทรจุฑา  คาดว่าในปี 52-53  ธุรกิจเดินเรือจะเข้าสู่ธุรกิจขาลง เนื่องจากเรือใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นในกองเรือโลกมากถึง 670 ลำหรือ คิดเป็นกำลังการขนส่งเพิ่มอีก 56 ล้านเดทเวทตัน ขณะที่ความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองเติบโตน้อยกว่าอัตราเพิ่มขึ้นของกองเรือ ซึ่งจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าระวางเรือปรับตัวลดลง
          และมองว่าการเติบโตของกองเรือทั้งโลกจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องถึงปี 55 โดยขณะนี้บริษัทมีเรือที่สั่งต่อใหม่รวม 9 ลำ ซึ่งจะส่งมอบ 3 ลำแรกในปี 53 ที่เหลือทยอยส่งมอบในปี 54-55 ปีละ 3 ลำ 
          อย่างไรก็ตาม บริษัทก็พยามยามหาธุรกิจใหม่ และโดยเฉพาะขยายธุรกิจของ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์(MML)  ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 55% ดำเนินธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และให้บริการเรือขุดเจาะน้ำมันที่ยังคงมีอัตราการเติบโตสูง 
          "ถ้าพูดถึงเรื่องราคาน้ำมัน ธุรกิจของเรายอมรับว่าได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็สามารถปรับเพิ่มค่าระวางเรือได้ แต่หากธุรกิจเดินเรือเข้าสู่ช่วงขาลง การผลักภาระน้ำมันก็จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่มองว่าราคาน้ำมันเกินระดับ 100 เหรียญเป็นราคาที่เกินจากปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง เนื่องจากมีการเก็งกำไรราคาน้ำมันสูง" ม.ล.จันทรจุฑา กล่าว 
          ปัจจุบัน บริษัทมีกองเรือ 44 ลำ อายุกองเรือ 18 ปี ซึ่งช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่มีแผนขายเรือเก่าออกไป และหากจะมีการสั่งต่อเรือเพิ่มก็จะเป็นช่วง 52-54 ซึ่งเป็นช่วงชาลงของธุรกิจทำให้ราคาต่อเรือไม่สูงมากนัก