นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไพลอน (PYLON) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีงานที่ได้รับเข้ามาใหม่ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไตรมาส 3/51-ไตรมาส 4/51 จากขณะนี้มีงานในมือ (backlog) แล้ว 360 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตของรายได้ในไตรมาส 2/51 ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 140-150 ล้านบาท
นายชเนศวร์ กล่าวว่า บริษัทจะเน้นเลือกงานที่มีมาร์จิ้นดีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้รับงานของเดือนมิ.ย.-ก.ค. เต็มแ้ล้ว
"การรับงานที่มีมาร์จิ้นดีจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 15% จากไตรมาส 1 ที่ 14% เนื่องจากบางโครงการบริษัทได้ทยอยปรับราคาขายตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ขณะที่ทั้งปีคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 16%"นายชเนศวร์ กล่าว
นายชเนศวร์ กล่าวต่อว่า จากปัญหาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเหล็ก บริษัทได้ทำป้องกันความเสี่ยงไ้ว้แล้ว ทำให้ราคาเหล็กเส้นที่คาดว่าจะปรับเพิ่มเป็น 40 บาท/กก.ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 38 บาท/กก.จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท นอกจากนั้น งานที่รับส่วนใหญ่จะเป็นงานระยะสั้น 2-3 เดือน
"ช่วงนี้ต้องยอมรับว่า สินค้า Commodity มีความผันผวน โดยเฉพาะเหล็กเส้นที่ปรับขึ้นสูง และคาดว่าจะเห็นที่ 40 บาทอย่างแน่นอน แต่เราก็ไม่กังวล เพราะเราจะ bid ราคากับลูกค้า ถึงจะสั่งซื้อเหล็กทำให้ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว" นายชเนศวร์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสด รวมถึงวงเงิน OD และตั๋วอาวัล รองรับการซื้อวัตถุดิบในอนาคตได้อีก และเม็ดเงินดังกล่าวยังสามารถนำมาใช้ขยายกำลังการผลิตตามแผนงานในปีหน้า ซึ่งทั้งนี้จะต้องขึ้นกับงานเมกะโปรเจ็คต์ด้วย โดยโครงการขยายกำลังการผลิตคาดว่าจะใช้เม็ดเงินประมาณ 20-30 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักร
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ PYLON กล่าวถึง ทิศทางธุรกิจในไตรมาสที่ 2 ว่า เชื่อว่ามีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกได้ ตามปริมาณงานที่ลงสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นดังกล่าว จึงน่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกได้
ส่วนในครึ่งหลังของปี เชื่อว่างานภาครัฐจะทยอยไหลลงสู่ตลาดชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ เมื่อรัฐบาลสามารถคัดเลือกผู้รับเหมางานรถไฟฟ้าได้สำเร็จ ในขณะที่ภาคเอกชนคาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมออกมามากขึ้น จากการที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านจะหันมาเลือกคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะยังดีต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามก็คือ เสถียรภาพทางการเมือง และ ราคาวัตถุดิบ เช่น น้ำมัน และเหล็กเส้น ที่ค่อนข้างผันผวนในช่วงนี้
"PYLON ได้เดินหน้าปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะเน้นการหางานฐานรากเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นงานต้นน้ำ ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้เป็นงานระยะสั้นๆ 2-3 เดือน ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบไม่มากนัก" นายบดินทร์ กล่าว
นายบดินทร์ กล่าวว่า การปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงนี้ เชื่อว่าจะผลักดันให้แนวโน้มผลประกอบการของ PYLON ในปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% มาอยู่ที่ 500-550 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดคาดว่าจะผลักดันให้เพิ่มขึ้นจาก 15% มาอยู่ที่ระดับ 20-25% ได้สำเร็จ
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 50 ถึงแม้ต้นทุนจะปรับสูงขึ้น จากความสามารถในการหางานที่ปรับตัวดีขึ้น สังเกตได้จาก Backlog ที่สูงขึ้นจากปีก่อน และการแข่งขันที่เริ่มจะลดลง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าจะทำให้ผลกำไรในปีนี้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--