HILITE: กลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นส่อรับปัจจัยลบต้นทุนน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจากผลกระทบนโยบาย "ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 30, 2025 12:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) (CGSI) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็น 25% ซึ่งน่าจะรวมถึงน้ำมันดิบ โดยการขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดา (58% ของปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ) อาจส่งผลให้โรงกลั่นของสหรัฐฯใน Mid-Continent และ Rocky Mountain มีต้นทุนสูงขึ้น จึงอาจทำให้โรงกลั่นเหล่านี้ตัดสินใจลดอัตราการผลิต

ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังหาวิธีที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลาและจัดเก็บภาษีเพิ่มอีก 25% จากน้ำมันที่นำเข้าจากโคลอมเบียด้วย ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ฯ จึงคาดว่า ประมาณ 68-69% ของยอดนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ น่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่าโรงกลั่นบริเวณ Gulf Coast อาจนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น แม้ว่าค่าขนส่ง cargo ทางทะเลจะแพงขึ้นตามระยะทาง

ดังนั้น ต้นทุนของน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเกรด medium-sour อาจสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นในเอเชีย

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า รายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 ระบุว่า โรงกลั่นของอินเดียและจีนกำลังมองหาแหล่งน้ำมันทางเลือก หลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซียเมื่อวันที่ 10 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Murban ในตลาด ICE Futures Abu Dhabi (IFAD) พุ่งสูงขึ้นเกือบ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงปลายเดือน ม.ค.68 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ของ cargo ที่จะจัดส่งเดือนมี.ค.68 น่าจะเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังเชื่อว่า OSP ของน้ำมันดิบชนิดเบาที่ส่งออกจากซาอุดิอาระเบีย (Arab Extra Light) อาจปรับขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฐานต้นทุนของโรงกลั่นในเอเชีย

ทั้งนี้ ราคา IFAD Murban ที่สูงขึ้น อาจส่งผลลบต่อ SPRC มากสุด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโรงกลั่นไทยทุกแห่งน่าจะได้รับผลกระทบคล้ายกันจากต้นทุนที่สูงขึ้นของน้ำมันดิบชนิดเบาจากตะวันออกกลาง, แอฟริกา ตะวันตกและตะวันออกไกล เพราะอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นในจีน, อินเดียและสหรัฐฯ นอกจากนี้ โรงกลั่นไทยบางแห่งยังซื้อน้ำมันดิบชนิด medium-sour เพื่อนำมาผสมกับน้ำมันดิบเกรด light crude จึงประมาณการว่าโรงกลั่นไทยจะมีค่า API Gravity (ค่าความถ่วง) เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 35.5-39.9 (ข้อมูลในปี 67 )

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า โรงกลั่นไทย โดยเฉพาะโรงกลั่นที่มีผลผลิตเป็นน้ำมันเบนซินสูง อาจมีค่าการกลั่นตลาดปรับตัวลงแรงในไตรมาส 1/68 ก่อนจะปรับฐานครั้งใหญ่ในเดือน มี.ค.68 เมื่อต้นทุนน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมโรงกลั่นในปี 69-70 เพราะกำลังการผลิตทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัว ขณะที่คำแนะนำของฝ่ายวิเคราะห์ฯ อยู่ที่ Neutral ซึ่งจะมี upside risk หากอุปสงค์น้ำมันโลกเติบโตแข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการเข้ามาแทรกแซงราคาพลังงานของรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ