นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยทิศทางธุรกิจในไตรมาส 1/68 ว่า จะเติบโตดีกว่าไตรมาสสุดท้ายปี 67 และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนเรือให้บริการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และเรือที่มีการซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 4/67 ที่ผ่านมา เตรียมกลับเข้ามาให้บริการลูกค้าในไตรมาส 1/68 ซึ่งประกอบด้วย เรือ Accommodation Work Barge (AWB) ที่กลับมาให้บริการ หลังจับจังหวะช่วงมรสุมนำเข้าอู่เพื่อบำรุงรักษาหลังคว้าสัญญาให้บริการใหม่ โดยกลับเข้ามาทำงานสนับสนุนแท่นขุดเจาะแหล่งอาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.68 เป็นต้นไป รวมถึงเรือขนส่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (VLCC) และเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) รวม 2 ลำ ที่เข้าอู่ในช่วงไตรมาส 4/67 ที่ผ่านมา พร้อมกลับมาให้บริการในไตรมาส 1/68
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากเรือ Hybrid Crew Boat เพิ่มขึ้น 2 ลำ ตั้งแต่เดือนม.ค.68 เป็นต้นไป หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญากับบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี หรือ ADNOC ภายใต้สัญญาระยะยาว เพิ่มเติมจากปี 67 ที่มีเรือ Hybrid Crew Boat ให้บริการในอ่าวไทยแล้วจำนวน 2 ลำ รวมถึงเรือ Aframax ที่นำไปดัดแปลงเป็นเรือ Floating Storage and Offloading Unit (FSO) โดยจะเริ่มให้บริการบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP ตั้งแต่สิ้นเดือนม.ค.68 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญาระยะยาวเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมรับรายได้ในธุรกิจ FSU เพิ่มอีก 1 ลำ หลังจากที่ลงทุนซื้อเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) ลำใหม่เพิ่มเติม เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสิงคโปร์ โดยคาดจะสามารถให้บริการและสร้างรายได้ในเดือนมี.ค.68 เป็นต้นไป
"ทั้งนี้ การดำเนินงานไตรมาสแรกของปี ที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานได้ตามกลยุทธ์ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนรายได้ในปี 68 โตตามเป้า" นางสาวสุธาสินี กล่าว