ทิสโก้ จับจังหวะ SET หลุด 1,300 เล็งออกทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย วางเป้าดัน AUM ปี 68 โต 5-6%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 3, 2025 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรง จนหลุดระดับ 1,300 จุด มองว่าเป็นจังหวะดีที่จะออกกองทุนทรกเกอร์หุ้นไทย คาดว่าจะจัดตั้งกองทุนใหม่เร็วๆนี้ โดยวางเป้าหมายผลตอบแทน 5%ใน 5 เดือน

นอกจากนี้ บลจ.ทิสโก้ เตรียมเสนอขายกองทุนทริกเกอร์กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับ AI หลังหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมองเป็นจังหวะเข้าลงทุน โดยคาดว่าจะเปิดขาย IPO ในช่วงวันที่ 5-7 ก.พ.วางเป้าหมายได้ผลตอบแทน 5% ใน 5 เดือนเช่นกัน ถือเป็นกองทุนทริกเกอร์กองแรกของปีนี้

นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงจากความกังวลสงครามการค้าที่เป็นความเสี่ยงของนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้หุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน นอกจากนี้ มีแรงขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเพื่อลดความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยในปี 68 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่า ปี 67 แม้ช่วงครึ่งปีแรกยังมีความเสี่ยงสูง แต่เชื่อว่าใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยมอง downside ที่ 1,250-1,200 จุด ช่วงครึ่งปีหลังมองว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการ ไป และหุ้นหลายบริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืนกันมากขึ้น

บลจ.ทิสโก้ มองตลาดหุ้นไทยในปี 68 จะปิดที่ 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 67 แม้ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เป็นการเติบโตกระจุกตัวอยู่เฉพาะบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับการส่งออก พลังงาน อาหาร และซอฟต์แวร์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง จึงยังไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยมองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มอุปโภคบริโภคยังน่าลงทุน

*คาด AUM ปีนี้โต 5-6%

นายสาห์รัช กล่าวว่า ในปี 68 บลจ.ทิสโก้ คาดมูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ของภาพรวม จะเตืบโต 5-6% จากปีก่อนที่มี AUM ในระดับ 4.06 แสนล้านบาท โดยมูลค่าจากธุรกิจกองทุนรวม (Mutual Fund) ก็คาดว่าจะเติบโต 5-6% จากปีก่อน 5.8 หมื่นล้านบาท คาดว่ากองทุนหุ้นต่างประเทศน่าจะขายดีต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนหุ้นไทยคงขายยากขึ้นและกองทุน LTF จะค่อยๆลดลง

ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพปีนี้น่าจะเติบโต โดยล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับกองทุนบำเหน็ญบำนาญข้าราชการ (กบข.) จำนวน 1,500 ล้านบาท

นายสาห์รัช คาดว่าปีนี้จะมีกองทุนทริกเกอร์มากกว่า 5 กอง จากปีก่อนมี 5 กอง เพราะปีนี้ตลาดผันผวนมาก และมองวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นเทรนขาขึ้น เมื่อย้อนดูสถิติเมื่อทรัมป์นั่งประธานาธิบดีสมัยแรก ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวขึ้น แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีนโยบาย Aggressive แต่เขาก็หนุนเรื่องเศรษฐกิจ และเห็นว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐก็ยังไปได้ อัตราการเติบโตของกำไร (EPS) ได้ตามคาด และไม่คิดว่ากลุ่มนี้จะถึงยุคฟองสบู่

*ปี 68 เล่น 2 ธีม

นายสาห์รัช ให้คำแนะนำปี 68 ธีมการลงทุน 2 ธีมใหญ่ ได้แก่

1.)Trump 2.0 Play จากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้า (Tariff) กับประเทศคู่ค้า โดยได้ปรับขึ้นภาษีกับแคนาดา เม็กซิโก ที่ขึ้นมากกว่าคาดที่ 25% ส่วนจีนปรับขึ้น 10% ต่ำกว่าที่ประกาศไว้ 60% นอกจากนี้ ทรัมป์ก็จะขึ้นภาษีนำเข้ากับยุโรป ซึ่งจะทำให้ภาพตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งมองว่า ทรัมป์ต้องการเจรจาต่อรอง เพราะเขาไม่ต้องการทำให้เกิดเงินเฟ้อ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า อย่างไรก็ดี ตลาดซึมซับข่าวขึ้นภาษีไปแล้ว เป็นโอกาสตลาดกลับมารีบาวด์

ขณะที่นโยบายทรัมป์ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการ 1. ปลดล็อก ผ่อนคลายกฎระเบียบในหลายอุตสาหกรรมหนุนหุ้นสหรัฐ 2.AI ที่ทรัมป์สนับสนุนเต็มที่ หุ้นหุ้นกลุ่ม AI 3. ลงทุนหุ้นคุณภาพดี ผลประกอบการดี ซึ่งหุ้นสหรัฐมีน้ำหนัก 3 ใน 4

2) Laggard Play ได้แก่ ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่การเติบโตเศรษฐกิจยังอยู่ระดับสูงในปีนี้ 6-7% นำกลุ่มภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการเติบโตสูง EPS Growth สูงตามภาวะเศรษฐกิจ และ P/E เพียง 10 เท่า ถูกกว่าหุ้นไทยที่มี P/E 14 เท่า

นายสาห์รัช กล่าวว่า ระยะสั้นตลาดหุ้นเวียดนามอาจถูกกดดันจากนโยบายทรัมป์ เพราะเกินดุลการค้าสหรัฐ แต่เวียดนามระบุจะนำเข้าเครื่องบินสหรัฐ จะลดแรงกดดันได้ นอกจากนี้ ในปีนี้คาดว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะปรับขึ้นจากตลาด Frontier เข้ามาอยู่ในตลาด Emerging Market ผลักดันให้มีเม็ดเงินจากองทุน Emerging Market ไหลเข้าตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ