นายวิษณุ เทพเจริญ พร้อมด้วยนางศิริญา เทพเจริญ อดีตผู้บริหารและกรรมการ บมจ.ณุศาศิริ [NUSA] หรือชื่อใหม่ บมจ.สเตลล่า เอ็กซ์ [STELLA] ขึ้นศาลอาญารัชดาวานนี้ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ NUSA เป็นโจทก์ยื่นฟ้องอดีตผู้บริหารและกรรมการรวม 3 คนเป็นจำเลย ซึ่งศาลได้นัดประชุมคดี สอบคำให้การจำเลย และตรวจพยานหลักฐาน โดยนางศิริญาปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะที่ศาลได้นัดสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเพิ่มเติมในเดือนธ.ค.68
บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ยื่นฟ้องนายวิษณุ และนางศิริญา พร้อมด้วยกรรมการผู้มีอำนาจ กรณีนำโครงการบ้านกฤษณา-พระราม 5 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ NUSA ไปขายให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่มีน้องสาวต่างบิดาของนางศิริญาเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการ ในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน โดยได้รับชำระเงินเข้ามาเพียง 50% แต่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อไป โดยไม่ได้รายงานรายละเอียดในการทำธุรกรรมครั้งนี้ให้บริษัททราบอย่างครบถ้วน
ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษอดีตกรรมการ ผู้บริหาร NUSA และพวกรวม 6 ราย ซึ่งรวมทั้งนายวิษณุ และนางศิริญา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีธุรกรรมการลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผล และการขายห้องชุดที่เป็นทรัพย์สินของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งการผ่องถ่ายเงินบริษัทเข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด และกรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และ/หรือ ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชี
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้บริษัทชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นปัญหา ซึ่ง NUSA ได้ทำหนังสือลงวันที่ 30 พ.ย. 66 ลงนามโดยนายวิษณุ ชี้แจงว่าบริษัทได้ทำธุรกรรมดังกล่าวจริง แต่เป็นธุรกรรมที่มีข้อตกลงไว้ก่อนผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่จะเข้ามา แต่จากการตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายรายการเกี่ยวโยงกัน โดยไม่ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบตามขั้นตอน และราคาขายอาจไม่สมเหตุสมผล คณะกรรมการตรวจสอบจึงมีมติไม่อนุมัติธุรกรรมดังกล่าว ทั้งยังมีมติให้ฝ่ายบริหารซื้อทรัพย์สินคืนกลับมา แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบันกรรมการทั้ง 3 ราย ยังไม่ได้ดำเนินการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาแต่อย่างใด