นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) [FPT] กล่าวว่า งวดไตรมาส 1/68 (ตุลาคม - ธันวาคม 2567) ทำรายได้รวม 3,268 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,003 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและบริการ 796 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ 469 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 329 ล้านบาท
"บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ เฝ้าระวังผลกระทบจากปัจจัยลบที่มีความผันผวนสูงทั้งในและต่างประเทศ มีการปรับแผนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ "กอด - Secure Core, Embrace Future" รักษาฐานลูกค้าเดิม และเดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้วยการขับเคลื่อนใน 3 มิติ คือ Flexible ปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามดีมานด์ของตลาด, Feeling สร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับ และ Focus มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการที่เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตมั่นคง"นายธนพล ระบุ
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม มีอัตราการเช่าเฉลี่ยทั้งในและต่างประเทศสูงถึง 89% เป็นอัตราการเช่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ปัจจัยสนับสนุนมาจากผลกระทบต่อเนื่องของยุทธศาสตร์ China Plus One และแรงเสริมจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทที่มีทั้งในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนามจากดีมานด์พื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้เปิดตัว 2 โครการใหม่ ได้แก่ โครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลาสต์ ไมล์ ฮับ (Frasers Property Last Mile Hub) ในโซนอุตสาหกรรมปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และอาคารศูนย์กระจายสินค้าในเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) ของโครงการบางนา 2 โลจิสติกส์ พาร์ค
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม อาคารสำนักงานเกรดเอและพื้นที่รีเทลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าจากการต่อสัญญาใหม่ บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการเช่าอยู่ที่ 92% ด้านธุรกิจโรงแรมมีรายได้ลดลงจากการยุติการดำเนินงานโรงแรมเมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซกคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise ระดับซูเปอร์ลักชัวรี หากไม่มีผลกระทบดังกล่าว รายได้ธุรกิจโรงแรมจะปรับตัวดีขึ้นประมาณ 17.7% จากการเติบโตของอัตราการเข้าพักและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง