บมจ.เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) เตรียมปรับเป้าหมายรายได้ปี 51 เพิ่มขึ้นจากเป้าที่วางไว้ 3 พันล้านบาท หลังจากบริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่ ที่หันมาผลิตน้ำมันพืชจากปาล์มน้ำมันซึ่งได้เริ่มขายในช่วงต้นเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อลดความผันผวนของธุรกิจไบโอดีเซลที่ความต้องการทรงตัว และมีแนวโน้มความต้องการลดลงจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงชึ้นต่อเนื่อง
"การที่เราแตกไลน์มาทำน้ำมันพืช เป็นการช่วยลดความผันผวนของไบโอดีเซล ที่ตอนนี้ปริมาณขนส่งเท่าเดิม และในอนาคต มีความเป็นไปได้ที่จะมีรายได้ขายน้ำมันพืชมากกว่าไบโอดีเซล ในอนาคตคาดว่าน้ำมันพืชจะขายได้มากกว่าไบโอดีเซล อย่างเร็วก็เห็นในไตรมาส 3" นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AI กล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล 50% และอีก 50%มาจากธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า
และยังคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/51 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/51 ที่มีรายได้ 737 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 134.87 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจน้ำมันพืช
อย่างไรก็ตาม คาดว่า กำลังการผลิตของน้ำมันพืช ในสิ้นเดือนพ.ค.จะผลิตได้ 1 แสนลิตร/วัน จากปัจจุบันผลิตได้ 5 หมื่นลิตร/วัน โดยใช้ เงินลงทุนในการผลิตน้ำมันพืชมีไม่มาก เพราะสามารถใช้ไลน์การผลิตเดียวกับธุรกิจไบโอดีเซลได้
ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี 51 อัตรากำไรชั้นต้นอยู่ที่ 25-30% โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจไบโอดีเซลมีอัตรากำไรขั้นต้น 10% และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ธุรกิจไบโอดีเซลจะดีขึ้น จากการที่มาตรการภาครัฐสนับสนุนใช้ไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มดิบขณะนี้ก็ไม่ขาดแคลน
ส่วนธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าในปีนี้ก็ยังเติบโตได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาได้ขยายกำลังการผลิตแล้วที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 30% ในต้นเดือนมิ.ย. และเร็วๆนี้ บริษัทจะมีออเดอร์เดิมที่เคยล่าช้าออกไป 200 ล้านบาทกลับเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นมา 700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ในเดือนต.ค.จะมีการปรับขึ้นราคาลูกถ้วยไฟฟ้า ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนพลังงานคิดเป็น 22%ของต้นทุนการผลิต โดยการปรับขึ้นราคา บริษัทจะปรับขึ้นปีละ 2 ครั้ง
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ เชื่อว่าผลประกอบการในปีนี้จะลดลงกว่าปีก่อนประมาณ 20% เนื่องจากความต้องการขนส่งไปต่างประเทศลดลง จากเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าไม่ดี ประกอบกับ การสร้างท่าเรือกับถังเก็บน้ำมัน มีความจุ 18 ล้านลิตร ที่ สมุทรสาคร กับชุมพร โดยในสมุทรสาคร ส่วนชุมพร จะแล้วเสร็จใน 6 เดือน ส่วนที่ชุมพรจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งถังเก็บน้ำมันมีความจุ 20 ล้านลิตร โดยเม็ดเงินลงทุนทั้งสองแห่งอยู่ที่ 415 ล้านบาท
ขณะเดียวกันได้หารือกับ บมจ.ปตท (PTT) ในการจัดส่งน้ำมันดิบ ซึ่งบริษัทเชื่อว่ามีโอกาสรับงานกับปตท. เป็นไปได้สูง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่ง
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--