นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า [SABINA] ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ทุกช่องทางขาย สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดค้าปลีกที่ยังคงมีโอกาสเติบโต แม้ว่าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางเศรษฐกิจบางประการ โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าปี 68 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในกรอบ 2.3-3.3% จากที่เติบโต 2.6% ในปี 67 ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนอาจทำให้กำลังซื้อกระจุกตัวในช่วงเทศกาลสำคัญ อย่างไรก็ตาม SABINA เตรียมกลยุทธ์เชิงรุกที่จะรับมือกับปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจเหล่านั้นไว้แล้ว
ในปีนี้ SABINA จะมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มพอร์ตสินค้าผ่านทุกช่องทาง โดยวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดตั้งแต่ต้นปี เพื่อกระตุ้นการบริโภคและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและช่องทางจำหน่าย ให้สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเป้าหมายเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 68 และต่อไปในอนาคต
"สำหรับการวางแผนออกคอลเลคชั่นใหม่ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแฟชั่น ซึ่ง SABINA เป็นผู้นำตลาด เรายังคงเน้นทั้งในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่มาพร้อมกับแฟชั่น เพื่อตอกย้ำว่า ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เพียงแต่ใส่แล้วสบาย แต่ใส่แล้วต้องสวยด้วยเสมอ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการพัฒนาสินค้าของเรา
ปีนี้เราวางแผนการออกสินค้าใหม่ให้ได้ติดตามและตื่นเต้นกันทุกเดือน ประเดิมเดือนแรกของปีด้วยคอลเลคชั่นพิเศษ Butterbear x SABINA ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับมาสคอตหมีสุดน่ารัก "น้องเนย" เพื่อให้มัมหมีได้เป็นเจ้าของ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก และตลอดทั้งปีนี้ เราจะมีสินค้าใหม่ๆ ที่เราไม่เคยมีออกมาเพิ่มเติมอีกมากมาย ส่วนสินค้าหลัก คือ ชุดชั้นใน จะมีเซอร์ไพร์สออกมาในทุกๆ ไตรมาส ซึ่งธีมในการสร้างสรรค์ผลงานหลังจากนี้ เราจะมุ่งเน้นการสร้างชื่อในฐานะแบรนด์ไทยให้ชัดเจนมากขึ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
ส่วนเป้าหมายการเติบโตของช่องทางขาย ซึ่งมี 3 ช่อง ได้แก่ ช่องทางค้าปลีก (Retail Business) ช่องทางไม่มีหน้าร้าน (NSR : Non-Store Retailing) และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) นั้น ในปีนี้ SABINA วางเป้าหมายการเติบโตในทุกช่องทาง โดยช่องทางหลักที่มีสัดส่วนมากที่สุด คือ ช่องทางค้าปลีก (Retail Business) ยังมีโอกาสในการเติบโตตามอัตราการเติบโตของห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ตาม ด้วยกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภค ทำให้ช่องทางการขายของ SABINA มีสัดส่วนผสมทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า เพื่อปรับให้ทันต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ขณะที่ช่องทางแบบไม่มีหน้าร้าน (NSR) ยังคงเป็นดาวรุ่งในการเติบโต และเป็นช่องทางที่ช่วยเติมเต็มการเข้าถึงผู้บริโภคในทุกกลุ่มวัย โดยมีการปรับกลยุทธ์ในการให้บริการและพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทาง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สร้างการเติบโตในช่องทางนี้ คือ มาตรฐานการให้บริการ และใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา ส่วนช่องทางรับจ้างผลิตหรือ OEM มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยขณะนี้มียอดจองสินค้าเต็มถึงช่วงกลางปีแล้ว ซึ่งถือว่า เป็นสัญญาณบวกสำหรับช่องทาง OEM
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และการให้บริการแล้ว ในปีนี้ SABINA ยังให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG (สิ่งแวดล้อม, สังคม และบรรษัทภิบาล) ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ เห็นผลจากความพยายามอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อลูกค้ายุโรปทยอยส่งคำสั่งการผลิตมายังโรงงานที่ให้ความสำคัญกับ ESG เพิ่มมากขึ้น สร้างโอกาสให้กับบริษัทฯ ที่จะรับได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่เน้นการสร้างความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่มีคุณค่าจากการทำ ESG มาโดยตลอด