นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีอ่อนตัวลง หลังเมื่อวันศุกร์ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงในช่วงท้ายตลาด อาจจะไม่ได้บ่งบอกทิศทางอย่างชัดเจน
นอกจากนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศในวันจันทร์ (10 ก.พ.) แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังประเด็นสงครามการค้า ทั้งนี้การปรับขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมมองว่าน่าจะไม่มีผลกระทบกับไทย
ขณะที่สัปดาห์นี้ติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ MSCI Rebalance รอบเดือนก.พ. จะประกาศรายชื่อวันที่ 11 ก.พ. รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งการประกาศวันนี้ได้แก่ INTUCH GULF
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,265-1,270 จุด และแนวต้าน 1,290-1,305 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,303.40 จุด ลดลง 444.23 จุด หรือ -0.99%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,025.99 จุด ลดลง 57.58 จุด หรือ -0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,523.40 จุด ลดลง 268.59 จุด หรือ -1.36%
- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 38,736.37 จุด ลดลง 50.65 จุด หรือ -0.13% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 21,223.61 จุด เพิ่มขึ้น 90.07 จุด หรือ +0.43% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,308.04 จุด เพิ่มขึ้น 4.37 จุด หรือ +0.13%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.พ.) ที่ 1,282.09 จุด เพิ่มขึ้น 20.02 จุด (+1.59%) มูลค่าซื้อขาย 57,651.93 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (7 ก.พ.) 1,086.34 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(7 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.พ.) อยู่ที่ 3.24 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.89/90 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน ตลาดกังวลนโยบายภาษี "ทรัมป์"
- "ทักษิณ" ยอมรับสอบถาม รมว.คลัง เรื่องตั้ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" คนใหม่ อีก 2 วันลงตัว สเปกคุณสมบัติต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี มีความรู้ เผย "สุรพล-สมชัย" ชิงดำ คาดได้คนเข้าวินไม่เกิน 28 ก.พ.นี้
- "คลัง" เร่งเครื่องเศรษฐกิจปี 68 ดันจีดีพีโตถึงเป้า 3.5% จ่อลดเงื่อนไขใช้จ่ายดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 เพิ่มเม็ดเงินหมุนในระบบ เตรียมรับมือสงครามการค้า 2.0 ลดพึ่งพาคู่ค้าประเทศเดียว เร่งเจรจา FTA ผุด 2 โครงการลงทุนเรือธง ศูนย์กลางการเงิน-เอนเทอร์เทนเมน คอมเพล็กซ์
- "อาทิตย์" ชี้คนไทย กว่า 60% ยัง "เดือดร้อน" จากโควิด-19 แนะรัฐบาล "ขยายเพดานหนี้สาธารณะ" เกิน 70% ชั่วคราว หวังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้ง "สั้น-กลาง-ยาว" ทางรอดแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ด้าน "สันติธาร" ชี้ไทยต้องแสวงหาโอกาสจาก "นโยบายสหรัฐ" เร่งหาเครื่องยนต์ใหม่ ฉวยจังหวะจาก "เทคโนโลยี เอไอ"
- กทพ.เปิดรายได้ปี 2567 พุ่ง 1.9 หมื่นล้านบาท ทำกำไรโต 3% กางแผนลงทุนปี 2568 เดินหน้า 2 โครงการเรือธง ทางด่วนภูเก็ตและทางด่วนเกษตร เม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท คาดเสนอ ครม.ไตรมาส 1 พร้อมเร่งเปิดประมูลทันที ได้ตัวผู้รับเหมา ต.ค.นี้ ลุยก่อสร้างปี 2569 แล้วเสร็จเปิดบริการปี 2572
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 300.00 บาท รายงานกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 9.3 พันล้านบาท ดีกว่าตลาดคาด 5% โดยหากพิจารณากำไรหลักพบว่าขยายตัว +31%y-y, +10%q-q จากรายได้ที่เติบโตดี มีการคุมต้นทุนที่ดี มีอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 3.8% โดยในไตรมาส 4/67 Prepaid ARPU +7.5%y-y, +4.4%q-q ส่วนด้าน Postpaid ARPU ทรงตัว ทำให้รวม ไตรมาส 4/67 ARPU +2%y-y, +2.3%q-q
- TIDLOR (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR จากงบการเงินในไตรมาส 4/67 ที่รายงานออกมา มีกำไรเพิ่มขึ้น 5% QoQ และ 16% YoY โดยหลักมาจากการปรับตัวลดลงของ credit cost ภายหลังจากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นและปรับปรุงกระบวนการเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง NPL ยังปรับตัวลดลงได้ QoQ เช่นกัน เรามองปี 2568 อาจมี upside ในส่วนของ cost to income หากผลของการขาดทุนรถยึดปรับตัวดีขึ้นตามราคารถมือสองที่หยุดลงและเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จากจุดต่ำสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 ที่ผ่านมา ประกอบกับการลดลงของ credit cost ในปีนี้ที่มีโอกาสลดลงจากปีก่อนหน้าเช่นกัน
- BCPG (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.05 บาท ช่วงสั้นอาจเห็นกำไรปกติลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ปริมาณขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวที่ลดลงและการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าประจำปีในสหรัฐฯ ขณะที่แนวโน้มปี 68 คาดกำไรปกติจะเติบโตด้วยผลของปรากฏการณ์ลานีญาที่เป็นบวกต่อ Hydro power plant ประกอบกับการทยอย COD โครงการพลังงานลม Monsoon (290Mwe) ในลาวที่จะเริ่มช่วง 2H68 ส่วนโครงการ Wind farm 90MW ที่ซื้อมาใหม่จาก EP คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นใน 1H68 ส่วนปัจจัยบวกในช่วงนี้จะมาจาก BCPG มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทยน้อย ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากการแทรกแซงโดยภาครัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ Data center (4 โรง 857Mwe) และอากาศหนาว ส่งให้ราคาขายไฟฟ้าในตลาดเสรี PJM ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 1.17 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1.17 พันล้านบาท +45%YoY