DBS ให้น้ำหนักหุ้นสหรัฐนโยบาย"ทรัมป์"หนุน เติมตราสารหนี้รับความเสี่ยงเทรดวอร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 13, 2025 14:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเวย์ ฟุก โหว Chief Investment Office, DBS Bank กล่าวว่าในปี 68 สภาพภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจโลกยังคงมีความซับซ้อน และละเอียดอ่อนอย่างที่เป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ารับตำแหน่งในวาระที่สองของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุน และสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และด้วยชัยชนะของพรรครีพับลิกันทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การบริหารงานของทรัมป์จะมีอำนาจเต็มที่ในการผลักดันนโยบายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภาษี การเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ และความมั่นคงทางชายแดน

ซึ่งจากนโยบายต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้แนวโน้มที่คาดว่าจะเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจไม่เกิดขึ้น ในทางกลับกัน เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ทรัมป์มุ่งมั่นทำตามคำมั่น สัญญาด้านนโยบาย เช่น การลดภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะความยั่งยืนทางการคลัง และการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ที่กระตุ้นให้เกิดสงครามทางการค้า ท่ามกลางความย้อนแย้งของนโยบายการคลังที่ขยายตัว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น

DBS เชื่อว่าการใช้กลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตแบบ "บาร์เบล" (Barbell Strategy) จะเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนในสองส่วนได้แก่ (1) การลงทุนในภาคส่วนที่มีความผันผวนสูง (High Beta Sectors) เพื่อเกาะกระแสนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ และ (2) การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Defensive Assets) เพื่อลดความเสี่ยง และปกป้องพอร์ตจากผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์

นายเวย์ ฟุก โหว กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายการขยายตัวภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ทาง DBS แนะนำให้ปรับสถานะการลงทุนในหุ้นทั่วโลกจาก "Underweight" เป็น "Neutral" อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้คงน้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯในระดับ "Overweight" เนื่องจากนโยบายการลดภาษีจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทต่างๆโดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ DBS ยังคงมีความเชื่อมั่นบริษัทเหล่านี้ เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และมีค่าเบต้าสูงถึง 1.4 เท่าของตลาดหุ้นโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนโยบายการลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ

เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสงครามการค้า ทาง DBS จึงให้น้ำหนักลงทุน "Overweight" ในตราสารหนี้ (Fixed Income) เนื่องจากช่วยป้องกันความเสี่ยงขาลง หากความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นโดยผลตอบแทนจากพันธบัตรในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนที่กลับมาระดับ 4.4% ต่อปี

ในส่วนของการลงทุนหุ้นยุโรปทาง DBS ให้น้ำหนักการลงทุนในระดับ "Underweight" เนื่องจากคาดว่า หุ้นยุโรปจะให้ผลตอบแทนที่ด้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกจีนต้องเปลี่ยนเส้นทางการค้าของตนไปยังตลาดที่ไม่ใช่สหรัฐฯยังผลให้การแข่งขันในตลาดการค้านอกสหรัฐฯจะรุนแรงขึ้น

นอกจากผลกระทบเชิงนโนบายต่างๆ ที่จะเกิดในสภาคองเกรสแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะยาว DBS คาดว่ามูลค่าของสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2025 จะได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยต่อไปนี้

  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เข้าสู่การเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถรักษาอัตรากำไรได้ดี ความมั่งคั่งสุทธิของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 71% ของ GDP สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศให้แข็งแกร่ง
  • ความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยขับเคลื่อนการเพิ่มผลิตภาพการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ

จุดเด่นของการลงทุนสำหรับไตรมาส 1/68 ได้แก่ การลงทุนในสินทรัพย์ผสม - พันธบัตรยังคงน่าสนใจจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนี ISM Services แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้อยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง อย่างไรก็ตามการขึ้นภาษีนำเข้าภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ อาจทำให้เฟดต้องกลับมาดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนจากหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล (Earning yield gap) ที่อยู่ในเกณฑ์ติดลบ เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เรามองว่าการลงทุนในตราสารหนี้มีความน่าสนใจมากกว่าตราสารทุน

หุ้น - สหรัฐฯ ยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง คาดการณ์ผลตอบแทนในตลาดสหรัฐฯที่สูงกว่าตลาดยุโรปคาดว่าการเติบโตที่เหนือกว่าของสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากการลดภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากนโยบายการคลัง และการเงิน ในขณะที่การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะเติบโตลดลงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากจีนส่งออกไปยังยุโรปมากขึ้น แม้จะมีอุปสรรคจากภาษีการค้า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น แต่ DBS ยังคงคำแนะนำให้ลงทุนในตลาดเอเซียนอกญี่ปุ่น (Asia ex-Japan) เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดนี้ถูกกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว 34% ในกลุ่ม Asia ex-Japan คาดว่าประเทศในอาเซียนจะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากการกระจายห่วงโซ่อุปทานของจีนภายใต้กลยุทธ์ China+1

พันธบัตร - การจัดการความเสี่ยงจากนโยบายขยายตัวและภัยคุกคามจากภาษี ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า และนโยบายการขยายตัวภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์บ่งชี้ได้ว่าผลตอบแทนของพันธบัตรและตราสารหนี้ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ จากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าส่วนชดเชยความเสี่ยงของตราสารหนี้เอกชนยังคงอยู่ในระดับคงที่หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของพรรครีพับลิกันเป็นเวลา 1 ปี กลยุทธ์ของทาง DBS ยังคงใช้การลงทุนแบบ "บาร์เบล" โดยเน้นตราสารหนี้หรือ พันธบัตรอายุ 2-3 ปี และ 7-10 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มเรตติ้งระดับ ABBB ที่มีแนวโน้มเชิงบวกจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มตราสารหนี้ระดับ investment grade

สินทรัพย์ทางเลือก - ทองคำยังคงได้รับความนิยมแม้จะมีความท้าทายในระยะสั้น, ความไม่แน่นอนในตลาดยังคงสนับสนุนสินทรัพย์ทางเลือก DBS ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน "Overweight" ในทองคำเนื่องจากสินทรัพย์ปลอดภัยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังมีความตึงเครียดทางการค้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลังของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์ การใช้กลยุทธ์พอร์ตการลงทุน ที่ผสมผสานสินทรัพย์ในตลาดและนอกตลาด โดยใช้กองทุนกึ่งสภาพคล่องในสินทรัพย์นอกตลาด (Semiliquid Asset) จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจ และนโยบายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากสินทรัพย์นอกตลาดมีความสัมพันธ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับตลาด โดยมองราคาทองคำยังมีอัพไซด์ 10% โดยมีราคาเป้าหมายทองคำปี 68 ที่ 3,300 เหรียญ/ออนซ์

สรุปการลงทุนสำหรับไตรมาส 1/68 นโยบายมหภาค การลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องของ Fed และ ECB คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป ในขณะที่ BOJ ยังคงดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มเศรษฐกิจ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น ขณะที่การเติบโตในยุโรปยังคงอ่อนแอจากการส่งออกที่ชะลอตัว และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน เพื่อยกระดับการบริโภคในประเทศ

หุ้น ยังคงชื่นชอบหุ้นสหรัฐฯ มากกว่าหุ้นยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากอัตรากำไรของบริษัทที่สูง การเติบโตภายในประเทศที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น มีการลงทุนในโครงสร้างของ AI อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงแรงสนับสนุนจากนโยบายแบบขยายตัวภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์ ขณะที่ภูมิภาคอาเซียนยังจะคงได้รับผลประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย และนโยบาย China+1

เครดิต คาดว่าการผ่อนคลายนโยบายทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นต่อไป โดยมุ่งเน้นที่การลงทุนในพันธบัตร ABBB ที่มีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีที่สุด จากภาวะที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนีภาคเอกชนที่แคบลง (Tighten credit spread) จึงแนะนำให้ "Overweight" ในตลาดตราสารหนี้อายุ 2-3 ปี และ 7-10 ปี เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการลงทุนในอนาคต และยังคงได้รับผลประโยชน์จากลดลงของส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชน

อัตราดอกเบี้ย คาดว่า Fed จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย แต่แนวโน้มจะไม่มากนัก ภายใต้การดำเนินงานของทรัมป์

สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งจากแนวโน้มของดอกเบี้ยที่ต่ำลง ขณะที่ยูโรและหยวนจะความมีอ่อนไหวเพิ่มขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า

สินทรัพย์ทางเลือก ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำจากการขาดดุลทางการคลังของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นควรเน้นกลยุทธ์พอร์ตการลงทุนที่ผสมผสานสินทรัพย์ทั้งในตลาดและนอกตลาด โดยใช้กองทุนกึ่งสภาพคล่องใน สินทรัพย์นอกตลาด (Semi-liquid Asset) เพื่อการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ

สินค้าโภคภัณฑ์ ยังมีความผันผวนต่อไปในระยะสั้น จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความต้องการสำหรับโลหะอุตสาหกรรม และสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ขณะที่วาระความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐฯ อาจกดดันราคาน้ำมัน คาดว่าราคาของกาแฟและโกโก้ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีอุปสรรคด้าน อุปทาน

Thematic focus การลงทุนในธุรกิจกีฬามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการถ่ายทอดสดกีฬาประเภทต่างๆกระจายไปถึงความตื่นตัวที่เพิ่มขึ้นสำหรับกีฬาผู้หญิงและเยาวชน รวมถึงการแข่งขันอีสปอร์ต ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ได้แก่: ( ธุรกิจการวิเคราะห์ทางด้านกีฬา, (i) ธุรกิจการสตรีมิ่ง, (i) ธุรกิจการขายตั๋ว,และ (iv) ธุรกิจเกมกีฬา

*หุ้นไทยปี 68 เห็น 1,500 จุด

มุมมองตลาดหุ้นไทยในปี 68 ยังมีอัพไซด์ มีโอกาสที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปถึง 1,500 จุดได้ โดยมีอัตราการเติบโตของกำไร (EPS) ที่ระดับ 6% และอยู่ในระดับราคาที่ไม่แพงทั้งนี้ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง เนื่องจากความต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและไทย รวมทั้งเอเชียและไทยเอง แต่ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยว ที่ยังมีอัพไซด์จากนักท่องเที่ยวจีนที่ยังมาไม่เท่าช่วงก่อนโควิด ทั้งนี้ DBS แนะนำหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งได้รับอานิสงส์จากนโยบาย China+1 กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจากการย้ายฐานการผลิต และกลุ่มค้าปลีก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

นายเอ็ดวิน ตัน Market Head DBS, Thailand & Philippines, DBS Bank กล่าวว่าธุรกิจไพรเวทแบงก์ของ DBS ในประเทศไทย จากการพบปะสื่อเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการวางเป้าหมายการเติบโต AUM ที่ 1 แสนล้านบาทภายในปี 2569 โดย ณ เดือนธันวาคม 2567 AUM ได้เติบโตเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 35% นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน Relationship Managers (RM) เป็นสองเท่า ซึ่งปัจจุบัน ได้เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 20%

และอุตสาหกรรมบริหารความมั่งคั่งของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ความต้องการด้านการวางแผนความมั่งคั่ง (Wealth Planning), การกระจายการลงทุน (Investment Diversification) และการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ (International Banking) เพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดไพรเวทแบงก์ก็ทวีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อลูกค้า DBS มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ลงทุนรายใหญ่ (HNW) และรายใหญ่พิเศษ (UHNW) ผ่านบริการ "One-Stop" ด้วยข้อเสนอบริการแบบครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นรายแรกในตลาด ซึ่งได้มอบประสบการณ์การทำธุรกรรมที่ไร้รอยต่อระหว่างบัญชีในประเทศและต่างประเทศผ่านจุดให้บริการเดียว และยังสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าผ่านโมเดล "One Bank" ที่เป็นเอกสิทธิ์ของดีบีเอส ปัจจุบันมีการระดมทุนสองดีลที่กำลังดำเนินการอยู่ และอีกสองดีลอยู่ระหว่างรอดำเนินการ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสที่น่าสนใจที่มีต่อลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ