SET ปิดเช้าวันนี้ที่ 1,248.39 จุด ลดลง 23.71 จุด (-1.86%) มูลค่าซื้อขายราว 33,866 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดร่วงหนักกว่า 2% หลุดแนวรับ 1,250 จุด ทิศทางสวนกับภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาค เผชิญแรงขาย DELTA ฟลอร์-AOT ลงต่อ ประกอบกับ GDP ไตรมาส 4/67 ออกมาต่ำคาดเสี่ยงหั่นคาดการณ์ปี 68 รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบาย "ทรัมป์" ยัง Overhang คาดแนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งแดนลบต่อไป ให้แนวรับ 1,236 จุด (เป็นจุดต่ำสุดของวันนี้) และแนวต้าน 1,250 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,248.39 จุด ลดลง 23.71 จุด (-1.86%) มูลค่าซื้อขายราว 33,866 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้าร่วงหนักกว่า 2% จากนั้นรีบาวด์ลดช่วงลบลง โดยทำระดับต่ำสุด 1,236.80 จุดนิวโลว์ในรอบ 4 ปี 3 เดือน และทำจุดสูงสุด 1,253.37 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล,CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้กระโดดลงไปแรงหลุดแนวรับ 1,250 จุด จากแรงกดดันราคาหุ้น DELTA ลงไปติดฟลอร์ตอบรับงบไตรมาส 4/67 ออกมาต่ำคาดมากและแนวโน้มยังไม่มีความแน่นอน อีกทั้งหุ้น AOT ยังลงต่อจากเมื่อวันศุกร์ ทำให้หุ้นไทยปรับตัวลงลึกกว่า 2% สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาค
ขณะที่เช้านี้สภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP ในไตรมาส 4/67 ต่ำกว่าตลาดคาด และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ GDP ในปี 68 ที่จะถูกปรับลงด้วยก็จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าคาดประกาศ มี.ค.-เม.ย. ยังมีความไม่แน่นอนก็เป็นเรื่อง Overhang ตลาดอยู่
และ การที่ดัชนี SET หลุดระดับ 1,250 จุด ทำให้ตลาดดูไม่ดีมีความเสี่ยงที่จะปรับลงต่อได้อีก
แนวโน้มตลาดช่วงบ่ายคาดแกว่งตัวในแดนลบอย่างต่อเนื่อง แต่มองว่าหุ้น DELTA น่าจะยืนได้แล้วจากที่รีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างจากฟลอร์ แต่ Valuation ยังแพงอยู่ รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะปรับปรุงการคำนวนดัชนี SET50 และ SET100 ที่จำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัว (Constituent Stock Weight Capping) เพื่อลดอิทธิพลของหุ้นขนาดใหญ่ต่อดัชนี
พร้อมให้แนวรับที่ 1,236 จุด (เป็นจุดต่ำสุดของวันนี้) แนวต้าน 1,250 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 6,157.76 ล้านบาท ปิดที่ 84.50 บาท ลดลง 28.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 5,616.50 ล้านบาท ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,520.12 ล้านบาท ปิดที่ 297.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,121.10 ล้านบาท ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 976.22 ล้านบาท ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท