โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้นธนาคารกรุงไทย [KTB] มองปี 68 ยังโดดเด่นต่อเนื่องจากปีก่อนรับอานิสงส์จากโครงการลงทุนภาครัฐเร่งตัวช่วยหนุนสินเชื่อเติบโต ประกอบกับ ทิศทางของดอกเบี้ยยังทรงตัวดัน NIM ดีต่อเนื่อง สวนทางทิศทาง NPL แนวโน้มลดลงส่งผลบวกต่อการตั้งสำรองฯลดลงตามไปด้วย และ Credit Cost ย่อตัวหนุนภาพรวมผลการดำเนินงานของ KTB
ขณะที่ Valuation ยังค่อนข้างถูก และให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูง
ช่วงบ่ายราคาหุ้น KTB เคลื่อนไหวอยู่ที่ 23.20 บาท บวก 0.40 บาท (+1.75%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 26.90 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 25.50 ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 25.50 ดาโอ ซื้อ 24.50 บัวหลวง ซื้อ 24.00 อินโนเวสท์เอ็กซ์ ซื้อ 24.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 23.50
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มอง KTB ยังมีความโดดเด่น โดยเฉพาะแนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 68 ดีต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุนหลักของ Credit cost และแนวโน้ม NPL ที่ค่อยๆ ปรับตัวลดลง จากการบริหารจัดการควบคุมคุณภาพของพอร์ตได้อย่างดี ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากในส่วนของสินเชื่อที่ยังเห็นความโดดเด่นในส่วนของสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายออกมาต่อเนื่อง และการลงทุนของภาคเอกชนที่มีออกมาต่อเนื่อง อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยทรงตัวทำให้ยังได้อานิสงส์จากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ดีต่อเนื่อง โดย NIM ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งในแง่ของ Valuation ที่ยังค่อนข้างถูก และผลตอบแทนเงินปันผลในระดับที่ดีกว่า 5%
นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด KTB ยังคงได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ทำให้สินเชื่อเกี่ยวข้องกับงานโครงการภาครัฐ และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตสินเชื่อในปี 68 ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มทรงตัว ทำให้ NIM ยังคงอยู่ในระดับสูงหนุนรายได้และดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยที่หนุนต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 68 ซึ่งคาดว่ากำไรในปี 68 จะยังเติบโตได้ราว 3.2%
ขณะที่แนวโน้มของ NPL คาดว่าจะยังเห็นการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Credit Cost ของธนาคารลดลง หนุนต่อกำไรของ KTB ในปีนี้ด้วยเช่นกัน ประกอบกับความน่าสนใจของ KTB ยังอยู่ที่ Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยที่มี P/BV 0.7 เท่าทำให้ยังมีความน่าสนใจ และยังได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่ดีราว 4%
ด้านนักวิเคราะห์บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มอง KTB ยังมีความโดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากปี 67 ในด้านของผลการดำเนินงาน ซึ่งประเมินกำไรปี 68 จะเติบโตได้ราว 7% โดยที่ยังคงมีปัจจัยหนุนหลักจากการที่แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวอยู่ ทำให้ NIM ยังไม่มีการปรับตัวลดลง ประกอบกับยังคงมีแรงหนุนจากสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการภาครัฐที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโต
ขณะที่คุณภาพของพอร์ตสินเชื่อมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการบริหารจัดการของ KTB ทำให้ NPL มีการชะลอตัว และส่งผลให้การตั้งสำรองฯของ KTB ลดลงตาม ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนภาพรวมของผลการดำเนินงาน และคาดว่าในไตรมาส 1/68 ยังจะเห็นการตั้งสำรองฯที่ลดลง อีกทั้งหากมองในด้าน Valuation ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูก ทำให้มีความน่าสนใจ
https://youtu.be/kfYrmZ0F0zw