ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงแนวทางการปรับปรุงมาตรการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสร้างเสถียรภาพให้ตลาดทุนที่ได้รับความเห็นชอบในหลักกการจากคณะกรรมการ ตลท.แล้วในวันนี้ และจะนำไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องก่อนประกาศใช้
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลท. ได้มีมติทบทวน ปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ ที่บังคับใช้ในปี 67เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุน โดยตลท.จะนำไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องก่อนประกาศใช้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 3-4 เดือน และเริ่มใช้ในไตรมาส 2/68
สำหรับมาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์
1.ทบทวนมาตรการชอร์ตเซล คาดว่าจะประกาศใช้ในไตรมาส 2/68 จากเดิมให้ใช้ Uptick ทุกหลักทรัพย์ ปรับมาเป็นให้ใช้ Uptick เฉพาะหุ้นที่ราคาลดลงจากราคาปิดก่อนหน้าจนถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะต้องหาความสมดุลจากการทำเฮียริ่งต่อไป ส่วนหุ้นอื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ให้กลับไปใช้ Zero-plus Tick และกำหนดให้ทำชอร์ตเซลได้เฉพาะหุ้นใน SET100 ไม่ให้ทำในหุ้น Non SET100 แม้จะมีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง
โดยระดับที่กำหนดจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยตลท. มีการศึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งมีหลากหลายตัวเลข 10% หรือ 15% ซึ่งตลท.จะมีการเฮียริ่งจากผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งหากกำหนดระดับที่สูงเกินไป ทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดหรือหุ้นใดหุ้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่ตลท.ต้องกังวลด้วยจึงต้องหาระดับในการกำหหนดที่เหมาะสม
2. มาตรการ Dynamic Price Band ติดตามและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลมาตรการต่อเนื่อง และชะลอการเริ่มใช้เฟสที่ 2 (ใช้กับหลักทรัพย์ลูก)
ขณะที่มาตรการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
1.มาตรการขึ้นทะเบียน HFT ดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตามเพื่อลดผลกระทบด้านราคาและสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายของกลุ่ม HFT จะจำกัดให้ซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 ยกเว้น MM และหลักทรัพย์บางประเภท
2.ยกเลิกใช้มาตรการ Minimum Resting Time 250 milliseconds ซึ่งหวังว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะดึงสภาพคล่องกลับเข้ามาโดยเฉพาะหุ้น SET 100
โดยการทบทวนมาตรการครั้งนี้ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและหวังว่าปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องจะกลับเข้ามา ซึ่งจากข้อมูลสถิติปริมาณการซื้อขายก่อนใช้มาตรการในเดือนมิ.ย. 67 อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 67 ที่มีการประกาศใช้มาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของหลักทรัพย์และมาตรการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ปริมาณการซื้อขายลดลงเหลือ 3.2 หมื่นล้าน ก่อนฟื้นตัวช่วงครึ่งเดือนหลัง อย่างไรก็ตามปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงมีหลายปัจจัยประกอบกัน แต่เชื่อว่าด้วยมาตรการที่ปรับปรุงในครั้งนี้ มีความต้องการให้มูลค่าการซื้อขายกลับมาอีกครั้ง
"ที่เราเน้นย้ำคือครั้งนี้เราทบทวนภาพรวม เราไม่ได้อยากจะหยิบทีละชิ้นขึ้นมาและสร้างความสับสนให้กับตลาดทุนโดยรวม ความตั้งใจที่เป็นมติไว้ เมื่อได้ความเห็นมาตรการต่าง ๆ มาแล้วและปฏิบัติแล้ว เราจะไม่มีมาตรการอะไรใหม่ที่สร้างความสับสน หรือสร้างความผันผวนให้กับนักลงทุน จนถึงต้นปี 69 เราถึงจะมาทบทวนอีกที" นายอัสสเดช กล่าว