นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ โดยสัปดาห์นี้มีการเปิดเผยผลประกอบการของกลุ่มพลังงาน ในระยะสั้นเป็นช่วงของ Sell on Fact แต่มีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ฟื้นตัวขึ้นมาท่ามกลางความกังวลเรื่องความล่าช้าของการการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ส่วนการรายงานจ่ายเงินปันผลของกลุ่มธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่มีการจ่ายเงินปันผลออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย KTB รายงานปันผลที่ 1.545 บาทต่อหุ้น จากที่เราคาด 1.3 บาทต่อหุ้น ขณะที่ BBL และ KKP ที่จะทยอยรายงานและคาดว่าจะสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ดังนั้นระยะสั้นคิดว่ากลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มที่มีเม็ดเงินไหลกลับเพื่อเอาปันผล สัปดาห์หน้าติดตามประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าจะอยู่ในระดับที่สูง
โดยให้กรอบแนวรับ 1,250 จุด และแนวต้าน 1,270 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,627.59 จุด เพิ่มขึ้น 71.25 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,144.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,056.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.99 จุด หรือ +0.07%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ระดับ 38,942.91 จุด ลดลง 221.70 จุด หรือ -0.57% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 22,716.71 จุด ลดลง 227.53 จุด หรือ -0.99% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,347.59 จุด ลดลง 3.95 จุด หรือ -0.11%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.พ.) 1,262.27 จุด เพิ่มขึ้น 4.79 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 52,665.03 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (19 ก.พ.) 1,057.96 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(19 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 72.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.พ.) อยู่ที่ 2.92 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.73 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 33.60-33.80 จับตาราคาทอง-ทิศทาง Flow
- คลังขอเวลา 1 เดือน ออกแบบสิทธิประโยชน์และภาษี "Thai ESG 2" วอนผู้ถือหน่วยกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อย่าขายออกซ้ำเติมตลาดหุ้น ล่าสุดเหลือมูลค่าเอยูเอ็ม LTF รวม 1.8 แสนล้านบาท ส่วนเรื่องแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจก.ล.ต. รอเข้าที่ประชุมครม.เร็วๆ นี้
- ปลัดคลัง เผยกระบวนการสรรหาประธานบอร์ดธปท.คืบหน้า คาดได้ข้อสรุปปลายเดือนก.พ.นี้ ก่อนเดินหน้าคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ขณะที่กระทรวงการคลังเร่งพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังหนุน GDP ปี 68 โต 3-3.5% พร้อมชี้นโยบายการเงินต้องช่วยเสริมให้เป้าหมายเป็นจริง
- บอร์ด ตลท.ไฟเขียว ปรับเกณฑ์ Uptick ใช้เฉพาะหุ้นที่ราคาลงตามระดับที่กำหนด-เข้มหุ้นชอร์ตเซล ได้แค่ SET100 พร้อมจำกัดผู้ลงทุนกลุ่ม HFT ซื้อขายได้เฉพาะหุ้น SET100 พร้อมกับยกเลิก Minimum Resting Time คาดประกาศใช้ได้ไตรมาส 2/2568 หวังดึงความเชื่อมั่น ยันจากนี้ไม่ปรับเกณฑ์อีก 1 ปี
- ผู้ประกอบการอสังหาหนุน ธปท.ผ่อนเกณฑ์ LTV มั่นใจสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีนักลงทุนซื้อเก็งกำไร คาดหนุนกำลังซื้อโดยรวมเพิ่มราว 7-8% ด้านนักวิเคราะห์คาดหากมีการผ่อนคลายลงจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ความสามารถในการซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือหลังที่ 3 ชู SIRI-SPALI เด่น
- ส่องธุรกิจประกันชีวิต ปี 68 ยังมีแรงไปต่อ ด้วยเบี้ยรวมขยายตัว 2-3% หนุนจากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนเข้าสู่สังคมสูงวัย ค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้น ด้านสมาคมวอนรัฐจูงใจออม ด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี หวังเห็นวงเงินลดหย่อนภาษีประกันชีวิต แยกออกจากประกันสุขภาพ ด้านผลงานปี 67 เบี้ยรวมโต 3.23%
- "รัฐบาล-ภาคเอกชน" หวัง ที่ประชุม กนง.วันที่ 26 ก.พ.นี้ ลดดอกเบี้ย นายกฯ หวังประชาชนมีสภาพคล่อง พร้อมขอให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการปล่อย สินเชื่อ ดันเงินลงทุนอัปเกรดธุรกิจ "หอการค้า" หนุนลดดอกเบี้ยช่วยลด ต้นทุนการเงินผู้ประกอบการ ชี้เงินเฟ้อต่ำ ไม่ใช่เป็นปัจจัยกดดัน มั่นใจ ธปท. มีข้อมูลรอบด้านพิจารณาลดหรือไม่ ลดดอกเบี้ย
*หุ้นเด่นวันนี้
- KKP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 57.50 บาทเรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP เนื่องจากคาดว่าผลขาดทุนจากรถยึดจะดีขึ้นในปี 2568 จากราคารถมือสองที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2567 หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 นอกจากนี้ เราคาดว่าต้นทุนด้านเครดิตมีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ 2.2-2.4% ในปีนี้ และคุณภาพสินทรัพย์น่าจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากสินเชื่อกลุ่ม Stage 2 ในไตรมาส 4 ปี 2567 มีการปรับตัวลดลง อีกทั้ง KKP มีโอกาสบริหารจัดการเงินทุนเพิ่มเติมได้ หลังจากที่ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ให้ทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา และเราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากปี 2567โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจ Capital Market และ Agency Business
- ERW (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.12 บาท Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 335 ลบ. (+58%YoY, +171%QoQ) การดำเนินงานปกติยังมีปัจจัยบวกตามฤดูกาล(จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 4Q67 +17%YoY +10%QoQ) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมถึงการ renovate โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา ที่เสร็จสิ้น ซึ่งทาง ERW คาด 4Q67 จะมี Occ. Rate ที่ 80% และ ARR ที่ +8-10%QoQ, +5-7%YoY นอกจากนี้ ช่วง 1Q68 ยังดูมีแนวโน้มดีจากยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยในช่วง 1ม.ค.-16ก.พ.68 ยัง +11.90%YoY
- PR9 (ซีจีเอส อินเตอร์ฯ)"ซื้อ" ปรับราคเป้าหมายขึ้นเป็น 29 บาท รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท (+10% yoy, -1% qoq) น้อยกว่าเราและ Bloomberg consensus คาดไว้ที่ 5%/ 2% สาเหตุมาจาก รายได้น้อยกว่าคาด และค่าใช้จ่าย SG&A มากกว่าคาด โดยรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น 51% yoy คิดเป็น 20% ของรายได้ในไตรมาส 4/67 (vs. 18% ใน 3Q24 และ 14% ใน 4Q23) ขณะที่เราเชื่อว่ารายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งกว่าคาดจะช่วยชดเชยรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยเราคาดว่ารายได้จาก ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเติบโต 13% yoy ในปี FY25-26 ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นเป็น 34.7%/ 35.1% ในปี FY25-26 (vs 34.3% ใน FY24) เราเชื่อว่าผู้ป่วยชาวต่างชาติจะยังเข้ามาใช้บริการจำนวนมากในปี FY25-26 โดย PR9 เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของกลุ่มการแทพย์