บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทเดินหน้าแผนออกและเสนอขายหุ้นสามัญของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ [WHAID] ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจำนวนหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 22.73% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่ง บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WHAID โดยจะถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า 75.95% ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านแผนการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวสำหรับทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งได้แก่ 1) ธุรกิจโลจิสติกส์ 2) ธุรกิจโมบิลิตี้ (ภายใต้แบรนด์ Mobilix) 3) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 4) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และ 5) ธุรกิจดิจิทัล โดยแผนการเสนอขายหุ้น IPO ของ WHAID จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงโอกาสในการสร้างการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ คณะกรรมการของบริษัทและ WHAID ยังมีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ [WHAUP] ผ่านการขายหุ้น WHAUP ในสัดส่วน 10.00% โดย WHAID และบริษัทย่อยของ WHAID ให้แก่ WHA เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมสร้างความสามารถเชิงกลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจของ WHAUP และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นของทั้ง WHA, WHAID และ WHAUP โดยภายหลังการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ WHA และ WHAID จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน WHAUP ที่ 10.00% และ 61.59% ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกรรมการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะแล้วเสร็จก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ของ WHAID
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA กล่าวว่า WHAID ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยปัจจุบัน WHAID มีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 15 แห่ง และมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกว่า 78,500 ไร่ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 13 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 แห่ง (และส่วนขยายของนิคมอุตสาหกรรมเดิมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 2 แห่ง) นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมใหม่และส่วนขยายของนิคมอุตสาหกรรมเดิมที่รอการพัฒนาอีกจำนวน 7 โครงการ โดย WHAID ได้มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) อย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นพันธมิตรที่ให้บริการโซลูชั่นแบบครบวงจรแก่ลูกค้า
กลุ่มบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมจากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากผู้ลงทุนต่างชาติ โดยทั้งประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ถือเป็นพื้นที่ตั้งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์รวมของห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร อีกทั้งมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภค และมีความมั่นคงด้านพลังงาน ด้วยเหตุนี้ กลุ่มบริษัทฯ จึงได้พิจารณาให้ WHAID ซึ่งประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รองรับการเติบโตของธุรกิจด้วยโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม รวมถึงจะช่วยเพิ่มช่องทางการระดมทุนให้ WHAID สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ด้วยตนเองมากขึ้นในอนาคต การระดมทุนของ WHAID ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงของธุรกิจพัฒนานิคมและที่ดินอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว ทั้งจากการเติบโตจากภายใน (Organic Growth) และการสร้างความพร้อมเพื่อคว้าโอกาสจากการเติบโตจากภายนอกผ่านการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ (Inorganic Growth) ในอนาคต
ในการ IPO ของ WHAID ในครั้งนี้ WHAID และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ร่วมเสนอขายหุ้น จะเสนอขายหุ้นสามัญรวมเป็นจำนวนไม่เกิน 970,518,600 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 22.73% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งจะประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WHAID คิดเป็น 9.09% (ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO) และ 2) หุ้นสามัญเดิมของ WHAID คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 13.64% (ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO)
ภายหลังการ IPO แล้ว WHAID ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ WHA โดยบริษัทจะถือหุ้นใน WHAID ทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75.95% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WHAID ภายหลังการ IPO ทั้งนี้ WHAID ร่วมกับคณะที่ปรึกษาอยู่ระหว่างการจัดเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อยื่นให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทมีแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถเชิงกลยุทธ์ของ WHAUP ในการขยายธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนสูง โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะส่งผลให้ ทั้งบริษัทฯ และ WHAID เป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงของ WHAUP จะเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับ WHAUP ในกรณีที่จำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต
การเดินหน้าแผน Spin-off WHAID และปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ขับเคลื่อนทุกธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยแต่ละธุรกิจจะมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถนำเงินจากการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมของ WHAID ไปสนับสนุนแผนการเติบโตเพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ WHA อนุมัติให้บริษัท โมบิลิกส์ (Mobilix) บริษัทย่อยที่ WHA ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท ดับบลิวเอชเช เวนเจอร์ โอลดิ้ง จำกัด ทั้ง 100% เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท ดับบลิวเอชเช ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (WHAFE) จากบริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ (WHAEG) จำนวน 6,399,998 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 100% มูลค่ามาณ 59.24 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าทางบัญชีของ WHAFE (ซึ่งทั้ง WHAFE และ WHAEG เป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท ที่บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ [WHAUP] ถือหุ้น 100%) คาดว่าการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2568
การเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้ Mobilix ผู้ดำเนินธุรกิจ Buit-to-Suit EV Ecosystem of Logistics ที่มีบริการหลักคือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า สามารถให้บริการลูกค้าผู้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าได้ อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ซึ่งเป็นก้าวแรกของการสร้างกลุ่มธุรกิจดับบลิวเอชเอ โมบิลิตี้ (WHA Mobility)
WHAFE ดำเนินธุรกิจให้บริการ และจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสภานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) โดยปัจจุบันนอกจาธุรกิจ EV Charging WHAFE มีธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์ม (Peer-to-Peer Energy Trading) ซึ่ง WHAFE จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยโอนธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้ WHAFE ให้ไปอยู่ภายใต้ WHAEG ก่อนการจำหน่ายหุ้น WHAFE ให้กับ Mobilix
โดยภายหลังการจำหน่ายหุ้น WHAFE ให้กับ Mobilix WHAFE จะประกอบธุรกิจให้บริการ และจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) ให้แก่ลูกค้าที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญของธุรกิจดับบลิวเอชเอ โมบิลิตี้ (WHA Mobility) ซึ่งบริหารโดย Mobilix อีกทั้ง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้ากับ Mobilix
ทั้งนี้ กลุ่ม WHA มีเป้าหมายและงบประมาณการลงทุนในระยะ 5 ปี (2568-2572) สำหรับแต่ละธุรกิจ ดังนี้
1) ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทฯ มีเป้าหมายภายในปี 2568 ที่จะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร มีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร โดยคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปีที่ 19,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในไทยและเวียดนาม
2) ธุรกิจโมบิลิตี้ (ภายใต้แบรนด์ Mobilix) ตั้งเป้าหมายให้มีผู้ใช้บริการเช่าแล้ว 1,700 คันภายในปี 2568 และ 20,000 คัน ภายในปี 2572 โดยบริษัทฯ ได้กำหนดงบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 30,000 ล้านบาท ธุรกิจโมบิลิตี้เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งในปัจจุบันประกอบไปด้วย 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) ซึ่งตั้งเป้าให้บริการทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C
3) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินเป็นจำนวน 2,350 ไร่ ในปี 2568 และคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 37,000 ล้านบาท โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย และการเร่งขยายการเติบโตในประเทศเวียดนาม เพื่อเน้นดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซนเตอร์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส
4) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค ตั้งเป้าการจำหน่ายน้ำในปี 2568 ที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร ผ่านการขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียทั้งในไทยและเวียดนาม สำหรับธุรกิจพลังงานจะขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและเวียดนาม โดยตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2568 ในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็น 1,185 เมกะวัตต์ โดยคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปีที่ 29,000 ล้านบาท
5) ธุรกิจดิจิทัล ตั้งเป้าหมายพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ ภายในปี 2568 และคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 4,000 ล้านบาท สำหรับการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ โดยธุรกิจดิจิทัลนั้นเป็นแกนกลางในการช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI และ IoT มาประยุกต์ใช้ในแต่ละธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน
สุดท้ายนี้ กลุ่มบริษัทฯ ขอตอกย้ำความมั่นใจ ว่าการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการขยายการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียในทุกส่วน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจ "WHA: WE SHAPE THE FUTURE" ในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้คน สังคม และประเทศไทยต่อไป