ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค [BLC] กล่าวว่า ปี 68 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตผ่านกลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การทำการตลาดเชิงรุก ผ่านการสร้าง Brand Awareness ด้วยกลยุทธ์การใช้พรีเซนเตอร์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น และโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์, TVC และสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร
2) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์ โดยเน้นเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา อาทิ เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 3) พัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นขยายผลิตภัณฑ์สมุนไพรซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง รวมถึงการขยายสู่อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเทรนด์ Pet Humanization อาทิ อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง (แมวเลีย) รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพอื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ Deeday และเครื่องสำอาง เป็นต้น
และ 4) ขยายตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศเดิมที่บริษัทฯ มีพันธมิตรทางธุรกิจ และมีความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มลูกค้า ผ่านการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตตามแผนการขยายธุรกิจในอนาคต BLC กำลังเดินหน้าก่อสร้างอาคารผลิตยาแห่งใหม่ตามแผนที่วางไว้ พร้อมกับการลงทุนในโซลาร์ฟาร์มแห่งที่ 2 เพื่อใช้พลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโดยการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิต เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"BLC ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพี่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจรของไทย ด้วยการขยายตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน เพื่อให้เราสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจเราเสมอมา เราสัญญาว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่าน และสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทยทุกคน" ภก.สุวิทย์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 มีผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง มีรายได้จากการขายและให้บริการ 423 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 54.8 ล้านบาท เติบโต 7.0% และ 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการจำหน่ายยาสามัญและยาสามัญใหม่ให้แก่โรงพยาบาลและร้านขายยา และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทยาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง "บริษัท นิชิอิโคะ (ประเทศไทย) จำกัด" ในการกระจายยาเข้าสู่ร้านขายยาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ Clena Ex ที่เริ่มทำตลาดผ่าน Influencer
ดังนั้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้รวม 1,557 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 176.1 ล้านบาท เติบโต 16.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการทำกำไรสูง และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10.7% เป็น 11.3% ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตโดดเด่นยังคงเป็นยาสามัญและยาสามัญใหม่ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรยังมีแนวโน้มเติบโตสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน