UBE เปิดยุทธศาสตร์โตต่อเนื่อง 10-20% ขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์หลัก หลังปี 67 โชว์ฟอร์มพลิกกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 27, 2025 10:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล [UBE] เปิดเผยว่าสำหรับยุทธศาสตร์ปี 58 วางเป้าหมายปี 68 เติบโต 10-20% บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นจะขับเคลื่อนธุรกิจก้าวสู่ "ผู้นำนวัตกรรมเกษตรแปรรูปครบวงจร สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง"ภายใต้การขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1) การเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน (Automation & Digital Transformation) บริษัทฯ นำโปรแกรมมาปรับปรุงพัฒนาให้การบริการห่วงโซ่อุปทานสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เกิดความรวดเร็วและโปร่งใสในการทำงาน

2) การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง บริษัทฯ จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมในกลุ่มแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิก และฟลาวมันสำปะหลังออร์นิก Gluten Free ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคด้านความสะดวกสบายและมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น แป้งมันสำปะหลังที่มีความละเอียดสูง (High Fineness) เพื่อใช้ผลิตเป็นสินค้าพร้อมรับประทาน

3) ขยายการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในหมวดร้านอาหาร เพื่อลดความผันผวนและกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพาวัตถุดิบทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว รวมถึงเน้นการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตทั้งเอทานอลและแป้งเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น

ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมเอทานอลของประเทศไทยปี 68 คาดว่ามีแนวโน้มทรงตัวจากปีก่อน โดยปริมาณการใช้น้ำมันคาดว่าเติบโตได้จากแรงหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวและภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องมีการติดตามนโยบายจากภาครัฐในประเด็นร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567-2580 (Oil Plan 2024) โดยเฉพาะการกำหนดน้ำมันพื้นฐานของประเทศอย่างใกล้ชิด

สำหรับตลาดแป้งมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีการขยายตัวจากความต้องการอุตสาหกรรมขั้นปลายของจีน แต่ยังคงเผชิญกับความผันผวนของราคา ด้วยข้อจำกัดจากการค้าระหว่างประเทศ ด้านคุณภาพของผลผลิตและความต้องการของผู้ประกอบการ ส่วนสถานการณ์ราคามันสำปะหลัง มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาล และคาดการณ์ปริมาณผลผลิตมากกว่าฤดูกาลก่อน

พร้อมกันนี้บริษัทฯ จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจควบคู่กับกลยุทธ์ความยั่งยืน ครอบคลุมมิติด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการกำกับกิจการที่ดี (Environmental, Social, Governance: ESG) โดยมีการดำเนินการในปี 2568 ได้แก่

1) ด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มุ่งเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จัดทำรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน ISO 14064-1 ซึ่งอยู่ในระหว่างการทวนสอบและยังคงบริหารจัดการผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 จะมีการขยายการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ (Floating Solar) จากกำลังการผลิต 2.83 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 6.82 เมกะวัตต์เพื่อนำมาหมุนเวียนใช้ภายในโรงงาน

2) ด้านสังคม บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก โดยจัดทำการประเมินแนวทางการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

3) ด้านการกำกับกิจการที่ดี นับว่าเป็นความภาคภูมิใจที่บริษัทฯ ได้รับรางวัล CGR ระดับ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ผ่านการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A และผ่านการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) มุ่งเน้นด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเท่าเทียม รวมถึงไม่มีการใช้แรงงานเด็ก ซึ่งตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ มุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในทุกมิติ

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 67 ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 6,466 ล้านบาท เติบโต 11% และทำกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท พลิกจากมีผลขาดทุนสุทธิ 96.57 ล้านบาทในปี 66 จากปัจจัยที่ใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและฟลาวสัดส่วน 32% มีอัตราการเติบโต 14% และสัดส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ 7% มีอัตราการเติบโต 28% YoY ขณะที่ธุรกิจเอทานอลมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 60% มีอัตราการเติบโต 6% YoY จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การควบคุมต้นทุน และการจัดการวัตถุดิบอย่างเหมาะสม ส่งผลให้มีปริมาณขายเอทานอล 131.2 ล้านลิตร เติบโต 4.2% สอดคล้องกับการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายไว้

ดีมานด์แป้งมันสำปะหลังและฟลาวมันสำปะหลังจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น มีสัดส่วน 75% เติบโต 10% YoY เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสากล มีการจัดการที่ยั่งยืน และปลอดภัยตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ทำให้บริษัทฯ มุ่งการทำตลาดแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกและแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพสูง (High Value Native Starch) ซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตทั้งในด้านคู่แข่งขันที่มีน้อย รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากกว่าราคา

ในส่วนของฟลาวมันสำปะหลังโฟกัสไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เนื่องจากความต้องการ Gluten Free ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าคนเอเชีย ตลอดจนมุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุด

ขณะที่รายได้ในประเทศ มีสัดส่วน 25% เติบโต 13% YoY


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ