นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดสรรเงินและการลงทุน บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ [SENA] กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 67 บริษัทมีรายได้รวมกัน 8,450.87 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 5,901.43 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า 131.00 ล้านบาท ธุรกิจบริหารโครงการ และบริการอื่นๆ 1,448.25 ล้านบาท ธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด 695.05 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 275.15 ล้านบาท โดยมียอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งปี 14,326 ล้านบาท เป็นยอดขายจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 12,447 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดทำสัญญาจาก LivNex จำนวน 548 ยูนิต มูลค่า 1,032 ล้านบาท ซึ่งยอดขาย LivNex จะสามารถทยอยเปลี่ยนเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในเวลา 3 ปี นับจากนี้
เมื่อพิจารณาความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นในภาพรวมจะเห็นว่าในปีนี้ บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกประเภทธุรกิจ เท่ากับ 36.34% เพิ่มขึ้น 4.56% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น 31.78% โดยกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่ทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 3.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยความผันผวน บริษัทก็ยังรักษาเสถียรภาพในการทำกำไรขั้นต้นไว้ได้เป็นอย่างดี
ณ สิ้นปีบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) 6,764 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ในปี 68 ประมาณ 4,320 ล้านบาท และสินค้าคงเหลือ มูลค่า 48,184 ล้านบาท และมีสินค้าพร้อมขาย-พร้อมโอนมูลค่า 16,452 ล้านบาท อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งทางการเงินและสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้เป็นอย่างดี จากสัดส่วนหนี้ต่อทุน Net IBD/E 1.25 เท่า
โดยในปี 67 บริษัทมีผลกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมทั้งปี 508.6 ล้านบาท คิดเป็น 15.3% ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
บริษัทมั่นใจศักยภาพภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเดินหน้าได้และด้วยประสบการณ์การในวงการอสังหาฯ ที่ยาวนาน ความมีวินัยทางการเงินอย่างสูงทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายทางเศรษฐกิจได้ พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living Leader) ด้วยความเชี่ยวชาญในตลาด Affordable ที่มีเรียลดีมานด์สูง และเปิดโอกาสการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยด้วยโครงการ LivNex เช่าออมบ้าน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย แต่ยังต้องรอให้มีความสามารถกู้เพื่อในการเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดี ตอกย้ำบทบาทในการขับเคลื่อนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้เป็นจริง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค