CHAYO อัพรายได้ปี 68 โตทะลุ 20% ทุ่มงบ 500-1 พันลบ.ซื้อหนี้เติมพอร์ตกว่าหมื่นล้าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 4, 2025 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CHAYO อัพรายได้ปี 68 โตทะลุ 20% ทุ่มงบ 500-1 พันลบ.ซื้อหนี้เติมพอร์ตกว่าหมื่นล้าน

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป [CHAYO] กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 68 โตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 67 โดยมีแผนเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL และ NPA) มาบริหารอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าซื้อหนี้เสียเพิ่มอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุน 500-1,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค.67 บริษัทบริหารหนี้เสียอยู่ประมาณ 104,350 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้มีหลักประกันประมาณ 18,469 ล้านบาท และหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 85,881 ล้านบาท (ไม่รวมทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA อีกจำนวน 664 ล้านบาท)

ทั้งนี้ ปกติช่วงครึ่งปีแรกเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจที่สถาบันการเงินจะเปิดประมูลขายหนี้เสียออกมา ประกอบกับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ออกมาหรือมาตรการ "คุณสู้เราช่วย" เข้ามาเสริม จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีหนี้เสียออกมาขายน้อยกว่าครึ่งปีหลัง ซึ่งโดยปกติบริษัทจะไม่เร่งซื้อมูลหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเติมพอร์ตในช่วงครึ่งปีแรก แต่จะไปเน้นในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งบริษัทยังยึดหลักการซื้อหนี้ใหม่เพื่อเติมพอร์ตจะต้องมีช่วงระดับราคาที่มีความเหมาะสมและไม่แพงเกินไป เพราะไม่อยากให้กลุ่มลูกหนี้มีภาระทางการเงินเพิ่ม โดยบริษัทประเมินว่าจะมีจำนวนหนี้ด้อยคุณภาพที่เปิดประมูลปีนี้อยู่ที่ระดับ 2 - 4 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 บริษัทได้มีการจัดตั้ง บริษัท เงินไมตรี จำกัด เป็นบริษัทด้าน IT เพื่อพัฒนาโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มในการปล่อยสินเชื่อ (ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน รวมถึงขายฝากด้วย) มีทุนจดทะเบียนทั้งหมด 5 ล้านบาท ซึ่ง CHAYO ถือหุ้นทั้งหมด 49 % คิดเป็นเงินลงทุน จำนวน 2.45 ล้านบาท และอีก 51% ถือหุ้นโดยบริษัท เวลท์ฟันด์ จำกัด

สำหรับผลประกอบการปี 67 บริษัทมีรายได้ 2,026.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 499.51 ล้านบาท หรือ 32.71% จากปี 66 ที่ 1,527.07 ล้านบาท โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ 2 ประเภทคือ รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้น จำนวน 456.80 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้น จำนวน 40.86 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากมองตามประเภทธุรกิจ รายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพยังเป็นสัดส่วนรายได้มากที่สุดคือ 90.1% โดยมียอดจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและยอดรายได้จากการขายหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพ ทั้งหมด 785.96 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 346.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 79.01% ขณะที่ยอดจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีหลักประกันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะบริษัทฯ มีการซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพชนิดไม่มีหลักประกันมาบริหารเพิ่มเติมทำให้มีรายได้จากดอกเบี้ยทั้งหมด 1,825.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,368.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33.37%

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากการให้เงินกู้ยืมอยู่ที่ 147.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 66 จำนวน 40.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.20% ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยการเติบโตของสินเชื่อใหม่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2566 ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยรับในปี 67 เต็มปี ซึ่งยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,067.03 ล้านบาท และสิ้นปี 66 อยู่ที่ 1,059.55 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินมีจำนวน 28.97 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน จำนวน 4.74 ล้านบาท หรือ 14.07% มีสาเหตุจากที่บริษัทมอบหมายพนักงานให้ติดตามทวงถามพอร์ตหนี้เสียกลุ่มบริษัทซื้อมากขึ้น ส่งผลให้รายได้การติดตามทวงถามหนี้ของผู้ว่าจ้างภายนอกลดลง ขณะที่รายได้จากการให้บริการจัดหาคนซึ่งเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนมีนาคมปี 2566 มีรายได้ 24.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.60 ล้านบาท หรือ 37.60% ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ว่าจ้างเป็นอย่างดีทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกำไรสุทธิงวดปี 67 อยู่ที่ 365.26 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 82.79 ล้านบาท หรือ 18.48% เนื่องจาก บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตของหนี้มีหลักประกันที่ครบกำหนด 5 ปี เพิ่มขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ