ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งถ้วนหน้าเช้านี้ หลังราคาน้ำมันพุ่งทะลุ $129,ดาวโจนส์ร่วง

          ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงเกือบ 200 จุดเมื่อคืน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐสูงขึ้น และเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลง
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลง 279.21 จุด หรือ 2% แตะที่ระดับ 13,880.88 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 13,880.76 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 341.42 จุด หรือ 1.4% แตะ 24,828.04 จุด
          ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดเช้าลบ 64.33 จุด หรือ 1.87% แตะ 3,378.83 จุด และดัชนีคอมโพสิตดิ่งลง 22.40 จุด หรือ 1.2% แตะที่ระดับ 1,850.75 จุดในช่วงเช้านี้
          โฮเซ วิสตัน จูเนียร์ นักวิเคราะห์จากเอบี แคปิตอล ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และเป็นปัจจัยดึงดูดกลุ่มกองทุนให้เข้าซื้อเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
          ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 129.07 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ หลังจากกลุ่มโอเปคส่งสัญญาณว่าจะไม่เพิ่มปริมาณการผลิตก่อนการประชุมเดือนก.ย.และจะไม่จัดการประชุมฉุกเฉินก่อนหมายกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน
          กระทรวงแรงงานสหรัฐเผย ดัชนี PPI เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.4% ทั้งนี้ หากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 1991 เป็นต้นมา