YGG หวังเงินเพิ่มทุน 135 ลบ.-รายได้ลิขสิทธิ์ HSH:Rebirth ดันส่วนผถห.ทะลุ 50% ลุ้นปลด CB ส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 7, 2025 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป [YGG] เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าหากดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 135 ล้านบาทแล้วเสร็จ จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2568 เป็นไปตามที่คาดการณ์ ประกอบกับ กำไรสะสมของบริษัทที่มีอยู่ คาดว่าระดับของส่วนผู้ถือหุ้นต่อทุนชำระแล้วจะสูงกว่า 50% เชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถปลดเครื่องหมาย CB ได้ภายในช่วงกลางเดือน ส.ค.68 นี้หลังจากแจ้งงบการเงินไตรมาส 2/68

วานนี้บริษัทได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลและชี้แจงแนวทางแก้ไขกรณีที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 จากส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้วสำหรับงบการเงินปี 66 โดยบริษัทมีแนวทางการแก้ปัญหาและทิศทางการดำเนินงานในอนาคตด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.5400 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิน 135 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับเงินในช่วงมีนาคม - มิถุนายน 2568

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปี 2568 จะมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่จะเริ่มรับรู้ในปี 2568 และแนวทางกลยุทธ์การปรับโครงสร้างต้นทุน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นภายในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 และหากไม่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่ไม่เข้าเกณฑ์เครื่องหมาย CB อีกต่อไป

สำหรับภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง "Home Sweet Home: Rebirth" ได้ทยอยขายลิขสิทธิ์แล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทจัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลก ปัจจุบันสามารถขายลิขสิทธิ์ได้แล้วใน 64 ประเทศทั่วโลก และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับหลายประเทศเพิ่มเติม ส่วนของตลาดในประเทศไทย อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดจำหน่าย คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าฉายในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ภาพยนตร์ Home Sweet Home: Rebirth ได้โปรโมทเพื่อเตรียมเปิดฉายช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ในหลายประเทศ

ขณะที่รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นไป แบ่งเป็นรายได้จากการขายสิทธิ์เผยแพร่ภาพยนตร์ 1.4 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 47 ล้านบาท และรายได้จากส่วนแบ่งการจัดจำหน่ายในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 50-70% ของรายได้ในแต่ละตลาด และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาหลังจากภาพยนตร์ออกฉายในปลายเดือนมีนาคมนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ