นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุน (FETCO) เปิดเผยถึงการจัดตั้งกองทุน Thai ESG กองที่ 2 เพื่อรองรับเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ยังคงค้างอยู่ในระบบ ประเด็นสำคัญของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเพื่อชะลอการขายระยะสั้น ซึ่งกดดันตลาดโดยรวม โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งจากในอดีตที่มีการจัดตั้งกองทุน ThaiESG ใช้เวลาเพียง 1 เดือนก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้นัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรายละเอียดของกองทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนเร็ว ๆ นี้
อนึ่ง เม็ดเงินในกองทุน LTF ที่ค้างในระบบทั้งหมดราว 1.8 แสนล้านบาท
ขณะที่แนวคิดของรัฐบาลที่จะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาทต่อราย มองว่าน่าจะครอบคลุมนักลงทุนที่ถือ LTF อยู่ เนื่องจากมีการคำนวณจากตัวเลขที่เป็นมูลค่าคงค้างของแต่ละราย เมื่อดำเนินการแล้วเชื่อว่าจะทำให้ความจำเป็นในการขายกองทุนแล้วกดดันตลาดลดลงไปพอสมควร แต่อาจมีบางกลุ่มที่มีมูลค่าคงค้างมากกว่า 500,000 บาท ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเชื่อว่าไม่เป็นปัญหา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนน้อยกว่า หากมีการทยอยขายออกมา แต่ยังมีแรงซื้อจากกองทุน ThaiESG และส่วนอื่น ๆ เข้ามา ทำให้ตลาดเกิดความสมดุล
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า รายละเอียดที่ออกมาเบื้องต้นต้นถือว่าดีแล้ว แต่รายละเอียดปลีกย่อยอาจมีการปรับปรุงกันได้ โดยจะเป็นหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมบลจ. และหน่วยงานที้เกี่ยวข้อง หารือกันเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดนักลงทุนและบริหารจัดการได้ง่าย
อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นที่จะชะลอแรงขายของนักลงทุน ซึ่งต้องมีมาตรการอื่น ๆ ทำพร้อมกัน เนื่องจากปัจจุบันนอกจากตลาดจะเผชิญแรงขายระยะสั้นแล้ว ยังมีปัญหาความเชื่อมั่นระยะยาวของตลาดเอง โดยอยากให้มีมาตรการหนุนให้เข้าของบริษัทสามารถซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองได้สะดวก และง่ายขึ้น เนื่องจากจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ โดยการยกระดับบริษัทจดทะเบียน ผ่านโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เห็นโอกาสและอนาคตตของบริษัทจดทะเบียน สุดท้ายคือการสนับสนุนให้มีธุรกิจใหม่ ๆ หรือธุรกิจอนาคตเข้ามาในตลาดทุนไทย ซึ่งมีความพยายามในการเสนอให้ขับเคลื่อนพ.ร.บ. สตาร์ทอัพ เพื่อให้เมืองไทยมี Ecosystem ที่สามารถสร้างธุรกิจแห่งอนาคตได้
"ผมเชื่อว่าเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดโดยรวมในระยะยาว เพราะแรงขายไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนไทย แต่มีนักลงทุนต่างชาติด้วย ที่ต่างชาติอยากเห็นคือการที่ประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้หรือไม่ การออกมาตรการต่าง ๆ หรือทำให้เขาเห็นว่าเราสามารถเดินหน้าในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ก็จะมีความสำคัญ"
นอกจากนี้การสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว ยังรวมถึงการปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่ยุ่งยากและมีความซับซ้อนในตลาดทุนไทย เนื่องจากปัจจุบันตลาดทุนได้มีปัญหาหลายเรื่องที่เกิดจากประเด็นดังกล่าว ทำให้ตลาดมีภาระต้นทุน ซ่อนอยู่ในหลายกระบวนการ หากเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ ทำให้ต้นทุนให้บริการลดลง และทำให้ตลาดสามารถแข่งขันกับตลาดทุนอื่น ๆ ในโลกได้ดีขึ้น