นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง [TPCH] เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในโครงการพลังงานลมในนามบริษัท อินโดไชน่า วินด์ พาวเวอร์ จำกัด (IWP) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศกัมพูชา และ IWP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 150 เมกะวัตต์ กับ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้ากัมพูชา (EDC) แล้วเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ซึ่งปัจจุบันได้รับการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และ สัญญาสัมปทานโครงการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ และคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง
ส่วนการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จำกัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2568 โดยมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี
"การเข้าลงทุนในโครงการพลังงานลมที่ประเทศกัมพูชา เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสการเติบโต และช่องทางการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะใน สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้เติบโตได้ในระยะยาวอย่างมั่นคง" นางกนกทิพย์ กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ ปัจจุบันมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 2/2568
ส่วนโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ มีการปรับปรุงให้สามารถเดินเครื่องให้เสถียรมากขึ้น ขณะที่ มีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะนำบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) ซึ่ง TPCH ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2570 เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ จะมีการพัฒนาปรับปรุงการเดินเครื่องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ยังมีการควบคุมราคาเชื้อเพลิงและจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ เพื่อช่วยบริหารจัดการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้น พร้อมทั้ง อาจจะมีการศึกษานโยบายการรับซื้อพลังงานชีวมวลจากภาครัฐเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะเดียวกัน TPCH ได้ทำ Carbon Footprint และพัฒนาแผนระยะยาวเพื่อก้าวสู่ Carbon Neutral และ Net Zero อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการขึ้นทะเบียน Carbon Credit และ I-RECs ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ COD แล้ว เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และให้บริการจำหน่ายแก่ผู้ที่สนใจในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตนเอง
บริษัทยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการในต่างประเทศ ทั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม กำลังการผลิต 350 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน TPCH มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์