MEDEZE ชูโมเดลปั้นเชน Biotech Health Care ออกลุยตปท.ก้าวสู่ Global Brand อัพสเกลโตทวีคูณ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 17, 2025 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

MEDEZE ชูโมเดลปั้นเชน Biotech Health Care ออกลุยตปท.ก้าวสู่ Global Brand อัพสเกลโตทวีคูณ

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมดีซ กรุ๊ป [MEDEZE] โชว์วิสัยทัศน์เปิดกลยุทธ์ใหม่ยกโมเดลเชนธุรกิจแบรนด์อินเตอร์ปั้นเชน MEDEZE ครอบคลุมธุรกิจ Biotech Health Care ออกลุยตลาดต่างประเทศแบบลงทุนต่ำแต่สร้างผลตอบแทนสูง สร้างการเติบโตแบบทวีคูณของผลประกอบการหลัก (Revenue Multiplicative Strategy:RMS) ในระดับไม่ต่ำกว่าปีละ 25-30% พร้อมผลักดันอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 38% พร้อมอาศัยจุดแข็งสภาพไร้หนี้และเงินสดในมือสูงใช้บริษัทในเครือที่สิงคโปร์เป็นฮับส่องหาดีลลงทุนเพิ่มแรงสนับสนุนการเติบโตอีกทาง

MEDEZE ชูโมเดลปั้นเชน Biotech Health Care ออกลุยตปท.ก้าวสู่ Global Brand อัพสเกลโตทวีคูณ

ขณะที่ธุรกิจในประเทศจะนำเสนอเทคโนโลยี Stem Cell ใช้ซ่อมแซมการเสื่อมสภาพของเซลล์ให้กับบริการหลากหลายอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวธนาคารแช่งแข็งเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชียไปแล้ว เตรียมก้าวต่อนำเสนอธุรกิจช่วยผู้มีบุตรยาก (IVF) ใช้ Stem Cell กับผนังมดลูกเพิ่มอัตราความสำเร็จ (Success rate) ในการตั้งครรภ์ พร้อมคาดหวังผลโครงการ Sand Box ของภาครัฐจะสรุปการระบุข้อบ่งชี้ชัดเจนในการใช้ Stem Cell รักษาโรคใดได้บ้างจะช่วยหนุนธุรกิจหลักให้เติบโต

"ทุกอย่างเราวางแผนมา 4-5 ปีแล้ว เราสามารถคอนโทรลรายได้รายจ่ายและกำไรได้ ก่อนเข้าตลาด Net Margin ปี 2022 อยู่ที่ 34% แต่ ณ สิ้นปี 2024 ขึ้นมาที่ 38% ณ วันนี้เราไม่ได้ Aim แค่เรื่องรายได้ แต่กำไรด้วย ถ้าเราต้องการเติบโต 25-30% ต้องคิดแบบ Exponential Curve เราจะเป็นผู้นำด้าน Biotech Health Care ของเอเชีย" นายแพทย์วีรพล กล่าว
MEDEZE ชูโมเดลปั้นเชน Biotech Health Care ออกลุยตปท.ก้าวสู่ Global Brand อัพสเกลโตทวีคูณ

*กลยุทธ์ก้าวสู่ Global Brand

นายแพทย์วีรพล กล่าวว่า เราวางแผนแบบ Global Company นำ Knowhow ที่ผ่านการวิจัยพัฒนามานานหลายสิบปีออกไปสร้างการเติบโตในต่างประเทศด้วยต้นแบบโมเดลแบบเชนธุรกิจเจ้าดัง ยกตัวอย่าง แมคโดนัลด์ หรือ แมริออท ที่ขายเชนไปทั่วโลก ซึ่ง MEDEZE จะออกไปร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ เพื่อตั้ง Bio Bank ในหลากหลายประเทศ วางเป้าหมายเพิ่มปีละประเทศ เริ่มจากที่ได้ปิดดีลความร่วมมือกับพันธมิตรในฟิลิปปินส์ ก้าวต่อไปคาดว่าจะเป็นกัมพูชา และโอมานที่ได้เริ่มพูดคุยกันไปบ้างแล้ว

"สิ่งที่เราเอาไปขายคือมันสมองของเรา เราจะพาประเทศไปสู่องค์ความรู้แบบ เราต้องการขยาย Market Size ร่วมกับพันธมิตร ตอนนี้มีแค่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ เท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง ส่วนประเทศอื่นเป็นตลาดของเรา" นายแพทย์วีรพล กล่าว

โมเดลนี้ MEDEZE จะมีรายได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยใช้ Knowhow เข้าไปร่วมทุนทำให้ไม่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุน แต่จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง Cell Bank คือ 1.ค่าที่ปรึกษา (Consulation Fee) 2.ค่า Brand Royalty Fee และ Payment Fee ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย และ 3.การ Supply เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ ยกตัวอย่างน้ำยาเลี้ยงเซลล์ ซึ่งเป็นสูตรที่บริษัทคิดค้นมา โดยบริษัทจะเป็นผู้ควบคุมคุณภาพของบริการทั้งหมดให้มีมาตรฐานเดียวกัน

"เราจดสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ของ MEDEZE แล้วใน 26 ประเทศ ช่วง 4 ก่อนเข้าตลาดหุ้น เราให้บริษัทในต่างประเทศประเมินมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ มาถึงปี 67 มูลค่าเพิ่มขึ้นมา 30% เป็นราว 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเราเข้าตลาดหุ้นแล้วก็มี Listed Premium เข้ามาเพิ่มอีก เราก็จะมีรายได้จาก Brand Royalty Fee เข้ามาอย่างต่อเนื่อง"

นายแพทย์วีรพล กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นของการตั้ง Bio Bank ในแต่ละประเทศ ก็จะเป็นช่องทางให้บริษัทนำเสนอบริการต่าง ๆ ที่มีอยู่ และบริการใหม่ที่จะออกมาในอนาคตไปในประเทศดังกล่าวด้วย อย่างเช่นล่าสุดบริการเก็บเซลล์รากผม เป็นต้น ขณะที่การขาย Supply ต่าง ๆ ให้ ก็ยังมีแผนจัดตั้งโรงงานผลิตน้ำยาเลี้ยงเซลล์ที่บริษัทคิดค้นสูตรขึ้นมาบนที่ดินใหม่ 30 ไร่ที่เพิ่งซื้อเข้ามาด้วยเงินลงทุน 552 ล้านบาท เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะสารเคมีที่ผลิตน้ำยาเลี้ยงเซลล์คิดเป็นต้นทุน 30% ของบริษัท และจะนำไปขายให้กับ Cell Bank ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศต่าง ๆ ด้วย

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศจะทำผ่าน MEDEZE Treasury ที่บริษัทจัดตั้งขึ้นในสิงคโปร์ โดยมี MEDEZE ถือหุ้นทั้ง 100% ซึ่งบริษัทจะใช้เป็น Hub สำหรับการลงทุนในเครื่องมือทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงการมองหาการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ ที่สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยจุดเด่นของบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน และมีเงินสดในมือค่อนข้างมาก

"MEDEZE สิงคโปร์สามารถลงทุนได้ ระดมทุนได้ ปัจจุบันมี 7.5 ล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ มีโอกาสโตมากกว่าบริษัทแม่ได้ นอกจากทำรายได้แล้ว ยังดูแลเรื่องการลงทุนของกลุ่ม เอาเงินไปบริหารจัดการ ไปลงทุนในต่างประเทศ ลงทุนเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ได้อีกมาก"นายแพทย์วีรพล กล่าว

*ในประเทศเติบโตทุกมิติ

สำหรับการเติบโตจากในประเทศ นายแพทย์วีรพล กล่าวว่า ปัจจุบัน MEDEZE ให้บริการเก็บ Stem Cell ครอบคลุมแค่ประชากรแค่ 0.1% ของไทย ยังมีโอกาสให้เติบโตอีกมาก โดยเฉพาะเมื่อ Stem Cell ได้รับการรับรองว่าเป็นหนึ่งในการแพทย์ขั้นสูงที่เป็นยา และกำลังอยู่ในขั้นตอนการทำ Sand Box ของทางการเพื่อส่งเสริมงานวิจัยด้าน Stem Cell ในมนุษย์ก่อนจะออกข้อบ่งชี้ว่า Stem Cell สามารถใช้รักษาโรคใดได้บ้าง เช่น เบาหวาน ไตเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนปริมาณการเก็บ Stem Cell ให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมแผนใช้ประโยชน์ที่ดินที่เพิ่งซื้อมา 30 ไร่ โดยจะมีการติดตั้งระบบ Robotic Culturing System จากญี่ปุ่นครบทั้งหมดภายในกลางปี 69 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บเซลล์และเพาะเลี้ยงเซลได้เพิ่มขึ้นมาก

นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมเจาะตลาดใหม่ ๆ ในการใช้ Stem Cell เพื่อแก้ pain point ของบริการต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่นำเสนอการจัดเก็บเซลล์รากผม โดยมองว่าบริการช่วยผู้มีบุตรยาก (IFV) ปัจจุบันอัตราความสำเร็จ (Success Rate) ของการตั้งครรภ์มีไม่มาก และไม่สามารถรับประกันได้ สาเหตุสำคัญสิ่งหนึ่งคือความอ่อนแอของโพรงมดลูก ซึ่งการใช้ Stem Cell จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้โพรงมดลูกมีความแข็งแรงขึ้น บริษัทก็จะไปนำเสนอกับผู้ให้บริการ IVF ในประเทศไทยต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ