(เพิ่มเติม) ESTARเล็งขึ้นราคาไม่เกิน 5% ก.ค.นี้/ตัดขายที่ระยองหาซื้อที่ดินใหม่กทม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 21, 2008 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท(ESTAR)เตรียมปรับขึ้นราคาขายโครงการไม่เกิน 5 ในช่วงเดือน ก.ค.51 เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2-3 พันล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมตัดแบ่งขายที่ดินในจ.ระยอง เพื่อมาใช้ซื้อที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ในกทม.แทน
นายรัตนชัย เปิดเผยว่า จะมีการหารือกับคณะกรรมการในเดือนหน้าเืพื่อขออนุมัติปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนการบริหารปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบด้วย จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการปรับราคาไปแล้วในบางโครงการ เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 30%
"การปรับราคาจะทำให้ GP ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน" นายรัตนชัย กล่าว
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการในปีนี้ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท จากปัจจุบันโครงการที่บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินการมีอยู่ 8 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และ โครงการที่บ้านฉาง จ.ระยอง 5 โครงการ ส่วนแผนงานเปิืดโครงการในปีหน้า คงขอสำรวจสภาพเศรษฐกิจโดยรวมก่อน
"การเข้ามาของผมคงจะหนีไม่พ้นในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะคอนโดฯย่านโครงข่ายคมนาคม เพราะหากสังเกตุจะเห็นว่าบ้านเดี่ยวโอนช้าและมีมาร์จิ้นที่ต่ำำว่า ส่วนการเปิดโครงการเราคงเฉลี่ยปีนี้ปีหน้า 2-3 โครงการก็พอ"นายรัตนชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแลนด์แบงก์กว่า 1 พันไร่ที่จ.ระยอง ที่สามารถนำมาพัฒนา หรือแปลงเป็นทุน โดยขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาตัดแบ่งขายที่ดินดังกล่าวประมาณ 600 ไร่ เบื้องต้นจะขายให้กับบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่วนรูปแบบการขายมี 2 แนวทาง คือ ขายยกแปลงทั้ง 6 แปลง หรือร่วมทุนพัฒนาโครงการ
ขณเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินเพิ่ม โดยเฉพาะในกทม. ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดเจรจาประมาณ 10 แปลง แต่คาดว่าจะเห็นการซื้อประมาณ 2-3 แปลง โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 200-250 ล้านบาทต่อแปลง
นายรัตนชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะล้างขาดทุนสะสมที่มี 330 ล้านบาทให้หมด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี และการสร้างแบรนด์เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย ทั้งภาพรวมบริษัทและโครงการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีเช่นกัน
"หลังจากผมเข้ามา ผมจะได้พยายามในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งที่ผ่า่นมาได้มีการจัดผังองค์กรใหม่ให้มีประสิทธิภาพรวมถึงขั้นตอนในการทำงานให้เหมาะกับยการความรับผิดชอบแต่ละคน และที่ผ่านมาก็ขาด เอ็มดีมา 2 ปี ทำให้ทำงานไม่เต็มที่ เชื่อว่าหลังจากนี้จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นถึงแม้จะใช้เวลานานเมื่อเทียบกับรายอื่น"นายรัตนชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ