นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ได้พิจารณาและมีการศึกษาข้อดี ข้อเสียในการโอนท่าอากาศยาน 3 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานกระบี่ ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย[AOT] หรือทอท. เข้าบริหารจัดการ โดยพบว่า ไม่เหมาะสมและมีผลกระทบในหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อยกเลิกมติครม.ปี 2565 โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้ ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของกรมท่าอากาศยาน ที่ไม่สามารถของบประมาณสำหรับ ซ่อมบำรุงรักษา ท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่งได้และมีผลให้กระทบต่อให้บริการประชาชน
"ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนแล้วที่ไม่โอน 3 สนามบินให้ทอท. โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ดังนั้น ทย.และทอท.ต้องเร่งสรุป ทำเรื่องเสนอครม.ขอยกเลิกมติ เพราะหากยิ่งช้าจะยิ่งกระทบต่อการให้บริการ เช่น สนามบินอุดรธานี ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมปรับปรุงหลายปีแล้ว เพราะติดเรื่องการโอนสนามบิน ตอนนี้อาคารผู้โดยสารมีสภาพเก่า ทย.มีแผนพัฒนาขยายขีดความสามารถ สร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่และปรับปรุงอาคารหลังเก่า ในปี 2569 เพื่อให้บริการและมีความปลอดภัยตามมาตรฐานการบินตลอดเวลา แต่อาจไม่ได้รับงบประมาณ เพราะมีเรื่องโอนให้ทอท.ค้างอยู่"
รมช.คมนาคมกล่าวว่า สนามบินของกรมท่าอากาศยาน ถือเป็นทรัพย์สินของรัฐ ซึ่งผลการศึกษาชี้ว่า ไม่เหมาะสมที่จะโอนสนามบินทั้ง 3 แห่งและสนามบินภูมิภาคให้ทอท. ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุน เช่น ทอท.ยังมีภาระการลงทุนพัฒนาสนามบินของตนเอง และยังขาดด้านบุคลากร ส่วนกรมท่าอากาศยาน มีภารกิจต้องพัฒนาสนามบินภูมิภาค ให้มีประสิทธิภาพรองรับสายการบินให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนจึงให้นโยบายกรมท่าอากาศยาน ปรับปรุงคุณภาพการบริการผู้โดยสารให้มีความปลอดภัย สะดวก สบาย เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ โดยกรมท่าอากาศยาน มีบุคลากรที่มีความชำนาญด้านบริการอยู่แล้ว ส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่ยังมีปัญหาการก่อสร้างล่าช้า ผู้รับเหมาทิ้งงาน ได้เร่งรัดให้แก้ปัญหาเพื่อให้งานแล้วเสร็จตามเป้าหมายแล้ว ซึ่งในระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จะเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า จากมติครม. เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 65 เห็นชอบหลักการ ให้ทอท.เข้าบริหารสนามบิน 3 แห่งของกรมท่าอากาศยาน ทำให้การพัฒนาสนามบินของกรมท่าอากาศยานต้องหยุดชะงัก เช่น สนามบินกระบี่ มีแนวคิดจะเปิด PPP บริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพบริการ แต่ไม่สามารถขับเคลื่อน เพาะเกรงว่าสัญญาจะผูกพันไปถึงทอท.หลังรับโอน ส่วนสนามบินอุดรธานี ไม่ได้รับงบประมาณพัฒนาปรับปรุง มาตั้งแต่ปี 2561 ช่วงแรกที่มีแนวคิดการโอนสนามบิน เพราะสำนักงบเห็นว่า จะมีการโอนให้ทอท. ทำให้ปัจจุบันสนามบินมีสภาพเก่าเพราะไม่ได้รับงบปรับปรุงทั้งที่ มีผู้โดยสารมากที่สุดในภาคอีสาน
ทั้งนี้ หลักการในการเสนอขอยกเลิกมติครม.เรื่องโอนสนามบิน 3 แห่งนั้น สามารถทำเรื่องชี้แจงรายละเอียดเหตุผลอ้างอิงตามความเห็นของกระทรวงการคลัง 6 ข้อ ที่ให้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเปรียบเทียบกรณีกรมท่าอากาศยาน ดำเนินการกับกรณีทอท.ดำเนินการ ว่า ไม่ส่งผลดีต่อกรมท่าอากาศยานและทอท.อย่างไร เช่น ทอท.มีแผนพัฒนาและลงทุนสนามบินทั้ง 6 แห่ง อีกทั้งยังจะการลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิ ขยายอาคารทิศตะวันออก อาคารด้านทิศใต้ สนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 รวมถึงโครงการสนามบินอันดามันและสนามบินล้านนา ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ส่วนกรมท่าอากาศยาน มีแผนยกระดับสนามบินกระบี่ อุดรธานี บุรีรัมย์ ตามนโยบายสนับสนุนฮับการบิน
"ตอนนี้ ทย.ต้องเร่งประสานกับทอท.และสรุปความเห็นประกอบกันเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณานำเสนอครม.ขอยกเลิกมติปี 2560 เพื่อให้ทั้งทอท.และทย.ดำเนินงานตามภาระหน้าที่ตามปกติ"
โดยปีงบประมาณ 2569 กรมท่าอากาศยาน เสนอของบประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีภารกิจสำคัญได้แก่ การปรับปรุงซ่อมแซมสนามบินหลายแห่ง ที่ออกแบบไว้นานและค่อนข้างเก่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบินใหม่ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) เช่น ต้องมีการปรับปรุงรันเวย์ เพิ่มความแข็งแรง และกลบร่องน้ำตรงกลาง ปรับสโลบด้านข้าง เป็นต้น