สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (17 - 21 มีนาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 371,026 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 74,205 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 21% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 49% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 182,853 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 150,579 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 17,969 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% และ 5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB284A (อายุ 3.1 ปี) LB29NA (อายุ 4.7 ปี) และ LB436A (อายุ 18.3 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 15,514 ล้านบาท 12,883 ล้านบาท และ 10,749 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด รุ่น ICBCTL256A (AAA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 995 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) รุ่น THANI282B (A-) มูลค่าการซื้อขาย 915 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTGC276A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 643 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง 4-9 bps. หลังจากเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีนี้ แม้ว่าผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามการคาดการณ์ของตลาด ด้านผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0.5% สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด เนื่องจาก BOJ ต้องการใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขณะที่องค์การ เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1% และ 3.0% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ จากการตั้งกำแพงภาษีในกลุ่มประเทศ G20
สัปดาห์ที่ผ่านมา (17 - 21 มีนาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 551 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 3,469 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 2,918 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (17 - 21 มี.ค. 68) (10 - 14 มี.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 21 มี.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 371,025.77 468,826.19 -20.86% 4,725,552.07 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 74,205.15 93,765.24 -20.86% 84,384.86 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 109.52 109.01 0.47% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 108.05 107.86 0.18% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (21 มี.ค. 68) 1.88 1.87 1.86 1.77 1.82 2.04 2.27 2.71 สัปดาห์ก่อนหน้า (14 มี.ค. 68) 1.92 1.91 1.9 1.85 1.91 2.13 2.35 2.75 เปลี่ยนแปลง (basis point) -4 -4 -4 -8 -9 -9 -8 -4