InnovestX หั่นเป้า SET เหลือ 1,350 ศก.โลกเสี่ยงชะลอ แผ่นดินไหวกระทบจำกัดระยะสั้นแต่เผชิญแรงกดดันภายนอก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 1, 2025 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

InnovestX หั่นเป้า SET เหลือ 1,350 ศก.โลกเสี่ยงชะลอ แผ่นดินไหวกระทบจำกัดระยะสั้นแต่เผชิญแรงกดดันภายนอก

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ปรับลดเป้าหมาย SET Index ปี 68 ลงเหลือ 1,350 จุด จากเดิม 1,550 จุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตามมองว่า SET Index มีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 2/68 จาก valuation ที่น่าดึงดูด และมาตรการจากภาครัฐ

InnovestX เปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2/68 ภายใต้ธีม "Reversal of Fortune-ลมเปลี่ยนทิศ" สะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในช่วงที่ผ่านมา สวนทางกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการกระตุ้นเชิงรุก ขณะที่ยุโรปเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

InnovestX หั่นเป้า SET เหลือ 1,350 ศก.โลกเสี่ยงชะลอ แผ่นดินไหวกระทบจำกัดระยะสั้นแต่เผชิญแรงกดดันภายนอก
"ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ "Mild Stagflation" ซึ่งเป็นภาวะที่การเติบโตชะลอตัว ด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมาย InnovestX มองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะแรงกดดันจากแรงกดดันนโยบายการค้าของสหรัฐ"

แนะนักลงทุนเน้นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง ทั้งในเชิงภูมิภาคและหมวดอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) ที่มีรายได้ในประเทศสูง รวมถึงหุ้นในต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโต อาทิ กลุ่ม AI และพลังงานสะอาด

ด้านผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อ 28 มีนาคม InnovestX ประเมินว่าเกิดขึ้นจำกัดในระยะสั้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่อาจสูญเสียรายได้ราว 10-15% ภายใน 2 สัปดาห์ และอาจกระทบต่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงฟื้นตัว คาดว่า GDP ของไทยในปี 68 ยังขยายตัวได้ 2.5% เนื่องจากไม่มีความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ โดยมองว่านโยบาย Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มากกว่าภัยธรรมชาติ

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/68 เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีนำเข้าที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและตลาดแรงงาน สร้างแรงกดดันต่อหุ้นโลก รวมถึงสหรัฐ

ขณะที่จีนกำลังแสดงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นผ่านมาตรการกระตุ้นเชิงรุก โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าหมาย GDP ที่ 5% พร้อมทั้งออกพันธบัตรพิเศษระยะยาวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสหภาพยุโรป มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มลดลง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากภายนอก ทั้งจากความตึงตัวของภาวะทางการเงิน รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจและคาดมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2/68

นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า ด้านมุมมองเศรษฐกิจมหภาคมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ Mild stagflation ที่การเติบโตชะลอตัว ในขณะที่เงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผชิญความท้าทายในการกำหนดนโยบายการเงิน โดยคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวที่ 0.25% ในปี 68 ขณะที่ IMF มีแนวโน้มจะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในเร็วๆ นี้ เห็นได้จาก PMI โลกชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี พื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง บ่งชี้ว่ามีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่ำ

ด้านจีน แม้มีความเสี่ยงด้านหนี้สินและอสังหาริมทรัพย์ แต่ภาครัฐยังคงเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นผ่านโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น AI และยานยนต์ไฟฟ้า ความเสี่ยงสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ Reciprocal Tariff ซึ่งหากบังคับใช้อาจจะทำให้ GDP ของไทยปี 68 ลดลงจาก 2.5% เหลือเพียง 2.0% หรือต่ำกว่า

ขณะที่ นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักลยุทธ์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและความไม่แน่นอนด้านภาษีการค้า แต่ Valuation ที่ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ทำให้เริ่มกลับมาน่าสนใจในแง่มูลค่า โดยคาดว่า SET Index มีโอกาสฟื้นขึ้นที่ระดับ 1,300-1,350 จุดในช่วงไตรมาส 2/68

โดย InnovestX แนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง มีรายได้หลักจากในประเทศ และได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นเด่นที่แนะนำในไตรมาสนี้ ได้แก่

BCH กลุ่มโรงพยาบาลเชิงรับ พร้อมรายได้จากในประเทศ

CPALL, CPF หุ้นบริโภคในประเทศที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัว

KTB, TRUE กลุ่มธนาคารและเทคโนโลยีที่มีความแข็งแกร่งสำหรับต่างประเทศ

พร้อมแนะนำลงทุนในตลาดจีนและ Emerging Markets ที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ โดยเน้นไปที่บริษัทที่มีเงินปันผลสูง มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและมีลักษณะเชิงรับ ได้แก่ Verizon, UnitedHealth, Iberdrola, Hong Kong Exchange, Trip.com, Tencent, Alibaba"

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงาน Wealth Products & Strategy บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ไตรมาส 2/68 ตลาดการลงทุนยังเผชิญความผันผวนสูงจากมาตรการภาษี Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลก แม้ภาคเทคโนโลยียังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง ทำให้ InnovestX แนะนำปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมีความน่าสนใจลดลง และมีความเห็นเป็นกลางกับหุ้นไทยแต่เริ่มมอง downside จำกัดและมีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะสั้น

ขณะเดียวกันมีมุมมองด้านบวกสำหรับตลาดจีน โดยเฉพาะหุ้น A-Shares เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐและการหันกลับมาสนับสนุนภาคเอกชน และสำหรับตลาดเวียดนามจากประเด็นโอกาสการยกระดับตลาดหุ้นขึ้นสู่ Emerging market พร้อมแนะนำกระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในภาวะความผันผวนสูง

ทั้งนี้ หุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) อย่าง Healthcare และ Utility คาดว่าจะยังคงให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stocks) โดยนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงสามารถพิจารณากองทุนตราสารหนี้ เช่น UGIS-N ควบคู่กับกองทุนหุ้นต่างประเทศ อย่างหุ้นจีน A-Sharesกองทุน KFCSI300-A และหุ้นเวียดนาม กองทุน PRINCIPAL VNEQ-Aรวมถึงกองทุนหุ้นเชิงรับอย่าง LHHEALTH-A ซึ่งเน้นกลุ่ม Healthcare เพื่อสร้างสมดุลพอร์ตในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ