ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้ หลังจากราคาน้ำมัน NYMEX พุ่งทะลุระดับ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะ stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลง 164.03 จุด หรือ 1.2% แตะที่ระดับ 13,762.27 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 13,658.02 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วง 476.01 จุด หรือ 1.9% แตะ 24,984.28 จุด
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง 26.70 จุด หรือ 1.5% แตะที่ 1,820.81 จุด และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตรูดลง 56.94 จุด แตะระดับ 3,487.24 จุด
สจ๊วต สมิธ นักวิเคราะห์จากบริษัทเบลล์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วเอเชียร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ที่มีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 135.04 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้านี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินร่วงลงเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับปัจจัยลบจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลง 227.49 จุด ปิดที่ 12,601.19 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากเฟดปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2551 ลงสู่ระดับ 0.3-1.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนที่ระดับ 1.3-2.0%
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 เม.ย.เมื่อคืนนี้ว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ในภาวะตกต่ำ ทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ในช่วง 5.5-5.7% ในปีนี้ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.2-5.3% และคาดว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะยังคงตึงตัวต่อไปอีก ขณะเดียวกันเฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.1-3.4% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.1-2.4%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--