โบรกเกอร์ แนะนำลงทุนหุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) ซึ่งบางโบรกฯได้ปรับเป้าหมายใหม่ เนื่องจากประเมินว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/51 และ ไตรมาส 3/51 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/51 ที่ฟื้นตัวจากราคาขายทั้งเนื้อไก่และหมูดีขึ้น และแนวโน้มจะยังปรับตัวขึ้นไปอีกในช่วง High Season และคาดว่าราคาอาหารสัตว์จะได้ปรับขึ้น 10-15% ตามวัตถุดิบในช่วงครึ่งปีหลัง
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 5.70
บล.ฟิลลิป ซื้อ 5.60
บล.ทรินีตี้ ซื้อเก็งกำไร 5.50
บล.ยูไนเต็ด ทยอยซื้อ 5.57
บล.ซิกโก้ ซื้อ 5.08
บล.กสิกรไทย Neutral 4.51
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ทางเทคนิคช่วงนี้ราคา CPF เป็นขาลง หรือ sideway down แนวรับอยู่ที่ 4 บาท ก็อาจรอรับซื้อได้ เนื่องจากต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกสูงขึ้น ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ยังขยับขึ้นได้ไม่มากนัก
"ช่วงนี้ต้นทุนแพง แต่ราคาหุ้นตอนนี้ยังห่างจากราคา Fair ที่ 6.90 บาท"นายภูวดล กล่าว
นักวิเคราะห์จาก บล.ทรินีตี้ คาดยอดขายทั้งปี 51 ของ CPF วางเป้าไว้ที่ 15% โดยกำไรในไตรมาส 1/51 ที่ออกมา 451 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 1,135 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่า Consensus เนื่องจากส่วนรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์ที่คิดเป็น 28% ของรายได้ทั้งหมด ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมราคาขายอาหารสัตว์ของภาครัฐ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปัจจุบันของธุรกิจนี้ลดลงเหลือ 7%-8% จากปกติ 12% ซึ่งหากมีการปรับราคาขายอาหารสัตว์ตามความเป็นจริง ราคาขายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15%-20%
อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/51 และไตรมาส 3/51 จะมีผลกำไรดีต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นผลของฤดูกาล ,เป็นช่วงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มีปริมาณการบริโภคมากขึ้นจากนักท่องเที่ยว นักกีฬา และการเฉลิมฉลอง น่าจะทำให้ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของ CPF เติบโตได้ดี และแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ หมู/ไก่/ไข่ ในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว และสูงสุดในรอบ 3 ปี
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของเนื้อสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 14% ในไตรมาส 1/51 จาก 6% ในไตรมาส 1/50 แม้ว่าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ไตรมาส 2/51 ถือเป็นช่วง High Season ของธุรกิจสัตว์น้ำส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
นอกจากนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของ CPALL ที่ดีขึ้นจะส่งผลดีต่อ CPF ที่ถือ CPALL อยู่ 25% โดยคาดว่าในปี 51 CPF น่าจะทำกำไรได้เกิน 3 พันล้านบาท
"เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการของ CPF จะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จากการที่ผลประกอบการดีตามฤดูกาลและราคาเนื้อสัตว์อยู่ในช่วงขาขึ้น รวมทั้งมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ในช่วง 1-2 เดือนนี้"นักวิเคราะห์ ระบุ
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุ แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 1/51 โดยเฉพาะการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในธุรกิจสัตว์น้ำจากผ่านช่วง low season ขณะที่ธุรกิจสัตว์บก ราคาขายที่ยังเกินกว่าจุดคุ้มทุนสำหรับตลาดในประเทศ
ขณะที่ตลาดส่งออกสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจสัตว์บกยังดีอยู่ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่ยังไม่สามารถปรับราคาขายอาหารสัตว์ได้อย่างที่ขอไป แต่จากวัตถุดิบหลักที่ใช้ผลิต อาหารสัตว์ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด กากถั่วเหลือง และปลาป่นที่ปรับขึ้นทุกตัวคาดว่าจะทำให้ ต้องมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในกลุ่มอาหารสัตว์ดีขึ้นตาม
ทางฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2551 ไว้ดังเดิมภายใต้ยอดขายที่ 150,986 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12% เทียบกับปีก่อน ประมาณการกำไรสุทธิ 2,533 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 99% จากปีก่อน
บล.กสิกรไทย คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาอาหารสัตว์อาจสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ 10-15% ในช่วงครึ่งปีหลัง 51 และผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/51 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/51 จากราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้น และผลจากฤดูกาลที่ยอดขายไตรมาสที่ 2 มักดีกว่าในไตรมาสที่ 1
ดังนั้น จึงปรับคำแนะนำ CPF เป็น Neutral จาก Sell และปรับราคาพื้นฐานขึ้น 8% เป็น 4.51 บาท โดยปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 51 และ 52 ขึ้น 80% และ 33% ตามลำดับ และปรับ P/BV เป้าหมายขึ้นเป็น 0.75 เท่า จาก 0.70 เท่า เพื่อสะท้อนมุมมองในเชิงบวกต่อการขยายตัวของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--