WashXpress ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 112.5 ล้านหุ้นเข้า mai เสริมศักยภาพธุรกิจมุ่งสู่ผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 22, 2025 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

WashXpress ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 112.5 ล้านหุ้นเข้า mai เสริมศักยภาพธุรกิจมุ่งสู่ผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจร

นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ลอนดรี้ ยู [WASH] เปิดเผยว่า WASH ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 112,500,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

ปัจจุบัน WASH มีทุนจดทะเบียน 187,500,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 375,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 150,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น

วัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้น IPO มีแผนนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปใช้ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตามความมุ่งหมายของบริษัทฯ

นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านสะอาดซักครบวงจรชั้นนำของไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้า "WashXpress โดยจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจมาจาก Pain Points ในการใช้งานเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญในอดีตที่ชำรุดบ่อย จึงเห็นโอกาสทางธุรกิจหลังจากพบว่าเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบครัวเรือนไม่ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ และการซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาดำเนินธุรกิจก็มีข้อจำกัดหลายด้าน จึงร่วมกับผู้ร่วมก่อตั้งอีก 3 คนคือ นายชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล, นางสาวพรสิริ ธัญญานุรักษา, นางสาวอุไรวรรณ อ่อนเจริญ จัดตั้งบริษัทฯ และเปิดบริการร้าน WashXpress สาขาแรกที่คลอง 3 ในปี 2561 และได้ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนพัฒนาโมเดลธุรกิจและการให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

ณ สิ้นปี 67 บริษัทฯ มีร้านครอบคลุม 20 จังหวัดในประเทศไทย รวม 516 แห่ง (เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 436 สาขา และ แฟรนไชส์ 80 สาขา) โดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ "ให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับชุมชน" พร้อมส่งมอบประสบการณ์การซักผ้าที่เหนือระดับไปยังผู้ใช้บริการให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการซักผ้าจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ด้วยแนวคิด "สะอาด สะดวก และสบาย" เพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดกซักครบวงจร ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัทวางแผนขยายเครือข่ายสาขาเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่การเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ที่ยังมีศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ และการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการให้บริการ เช่น ภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาค ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเปิดสาขาใหม่จำนวน 80 สาขาในปี 68

บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาบริการให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต โดยตั้งเป้าที่จะขยายการให้บริการที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ บริการซักอบพับ บริการซักอบรีด และบริการรับจ้างซักอบรีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ให้ครอบคลุมในสาขาร้านสะดวกซัก WashXpress ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนามาตรฐานการให้บริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทมุ่งมั่นจะพัฒนาบริการครบวงจรและออกแบบการให้บริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อส่งมอบบริการที่ "สะอาด สะดวก สบาย" มากยิ่งขึ้น ให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น บริการซักอบรีดพร้อมรับส่งเพื่อรองรับทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป โดยบริการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการจัดการงานซักผ้าในชีวิตประจำวันผ่านการให้บริการรับ-ส่งผ้าถึงมือลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่เน้นความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้านสะดวกซักด้วยตนเอง หรือการจำหน่ายแพ็คเกจซักผ้าแบบเหมาจ่าย หรือการให้บริการในรูปแบบสมาชิก (Subscription Model) หรือผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เป็นต้น

บริษัทมีรายได้รวมในปี 65-67 เท่ากับ 464.47 ล้านบาท 657.06 ล้านบาท และ 823.58 ล้านบาทตามลำดับ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายและให้บริการผ่านร้านสะดวกซักสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 92.10-96.60% ของรายได้รวม ขณะที่กำไรสุทธิ เท่ากับ 59.31 ล้านบาท 67.28 ล้านบาท และ 83.47 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ เท่ากับ 12.77% 10.25% และ 10.14% ตามลำดับ

ณ สิ้นปี 67 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,211.07 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,505.96 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 705.11 ล้านบาท

โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัก 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท Holistic Impact Pte. Ltd. จำกัด ถือหุ้น 32.75% , นาย ชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล 25.43% และ นายกวิน กลองกระโทก 13.09% โดยมีนายธนา เธียรอัจฉริยะ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท

บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและตามที่บริษัทกำหนดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ