(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นต่อตามตลาดตปท.ตอบรับท่าทีสหรัฐอ่อนลง-เก็งมาตรการกระตุ้นศก.ใหญ่

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีปัจจัยหนุนจากการที่เมื่อวานนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ให้ข่าวเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะสั้น เพราะยังต้องรอติดตามดูว่าจะมีการผลักดันโครงการใดบ้างที่ออกมา

โดยให้แนวต้าน 1,165-1,170 จุด แนวรับ 1,125-1,130 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,606.57 จุด เพิ่มขึ้น 419.59 จุด หรือ +1.07%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,375.86 จุด เพิ่มขึ้น 88.10 จุด หรือ +1.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,708.05 จุด เพิ่มขึ้น 407.63 จุด หรือ +2.50%
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ 35,194.71 จุด เพิ่มขึ้น 326.08 จุด หรือ +0.94% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 22,030.15 จุด ลดลง 42.47 จุด หรือ -0.19% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,295.15 จุด ลดลง 1.21 จุด หรือ -0.04%
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 เม.ย.)1,153.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.72 จุด (+0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 38,239.64 ล้านบาท
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (23 เม.ย.) 2,850.44 ล้านบาท
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.(23 เม.ย.) ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด N/A
• เงินบาทเปิด 33.57 แนวโน้มแกว่ง sideways ในกรอบ 33.40-33.70 เกาะติดตัวเลขส่งออกไทยวันนี้
• "คลัง" จ่ออัดเม็ดเงินกู้ 5 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เน้นการบริโภค ลงทุน และซอฟต์โลน พยุงจีดีพี ของปี 2568 ขยายตัวตามเป้า 3% หลังผลกระทบ ภาษีทรัมป์ส่อรุนแรง ปลัดคลัง ชี้กู้เพิ่ม 5 แสนล้านหนี้ยังไม่เกิน 70% "พิชัย" นัด "เศรษฐพุฒิ" ถกสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ 'ทรัมป์' ส่งสัญญาณยอมผ่อน 'สี จิ้นผิง' ย้ำภาษีศุลกากรอันตรายต่อทุกฝ่าย
• ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) งัดมาตรการ Auto Pause หากพบคำสั่งซื้อ-ขายผิดปกติดันราคาเกิน 15% สั่งขึ้นเครื่องหมาย "P" หยุดเทรดอัตโนมัติ 60 นาที ดีเดย์ 6 พ.ค.นี้ ด้านโบรกฯ ชี้ IMF ปรับลดจีดีพีไทยเหลือ 1.8% ถือว่ายังดีกว่าคาด ย้ำไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจถดถอย
• พาณิชย์เผยยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง 3.89% ชี้สงครามการค้าเป็นเหตุให้ชะลอการตัดสินใจ ขณะที่ไตรมาสแรกต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนไทย 4.7 หมื่นล้านบาท พร้อมสกัดนอมินี
• "เท้ง" สงสัย รัฐบาลสื่อสารไม่ตรง ถามสรุปไทยขอเลื่อน หรือยังไม่ได้นัดสหรัฐฯ เจรจากำแพงภาษี จี้นายกฯ ชัดเจนกว่านี้ เชื่อผู้นำถูกแบนวีซาปม "อุยกูร์" มีผล ยัง 'ภูมิธรรม' โต้ โดนจำกัดวีซ่า ปมส่ง 'อุยกูร์' กลับจีน ทำไม่ได้ร่วมทีมไปสหรัฐฯ อย่าคิดไปเอง
• ประธานตลท.เผย กระทรวงพาณิชย์ ไฟเขียวแก้เกณฑ์ซื้อหุ้นคืน เตรียมชงครม.พิจารณาก่อนออกเป็นกฎกระทรวงบังคับใช้ต่อไป เชื่อหนุนบจ.ซื้อหุ้นคืนมากขึ้น จากดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ระดับต่ำ ด้านบัญชีออมหุ้นไทย "TISA" ขณะนี้ผลศึกษาเสร็จแล้วเตรียมเสนอคลัง ล่าสุดบอร์ดบจ.อนุมัติทำโครงการ Treasury Stock ปีนี้รวม 31 แห่ง วงเงินซื้อรวม 3.71 หมื่นล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

• CCET (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.20 บาท รายงานตัวเลขยอดขาย ประจำเดือน มี.ค 68 ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท (+11%YoY,+2.7%QoQ) หากรวมเป็น ตัวเลขยอดขายงวดไตรมาส 1/68 ที่ 3.47 หมื่นล้านบาท (+15.8%YoY,-14.8%QoQ) โดยวันนี้ เวลา 10.00 น. มีการรายงานตัวเลขส่งออกกระทรวงพาณิชย์ Bloomberg Consensus คาด +12.8% หากมากกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนกล่มุอิเล็กทรอนิกส์ เราคาดแนวโน้มการเติบโตของยอดขายแข็งแกร่ง จาก HDDs/SSDs รับรองการเติบโตของ AI และ Data Center รวมถึงลูกค้าใหม่ เราคาดการณ์กำไรปกติปี 68/69 เติบโต 8%YoY/32%YoY ณ ราคาปัจจบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 15.9 เท่า (-0.3SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 68/69 ที่ 3.8%/5% ตามลำดับ
• AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท เรามองราคาหุ้นที่ปรับลงเกือบ 40% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอบรับเชิงลบมากเกินไปต่อแนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 ที่คาดยังทรงตัวได้ y-y ที่ 1.2 พันลบ. ขณะที่ไตรมาส 2/68 คาดปริมาณผู้โดยสารคาดยังทรงตัว แต่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง 15-20% จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราปรับลดประมาณการกำไรปกติลงเล็กน้อย 4-5% เป็นชะลอตัว -10% y-y ในปี 2568 ก่อนฟื้นตัว +10% y-y ในปีหน้า อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ต่ำเพียง 7 เท่า และให้ปันผลราว 6% ต่อปี ระยะสั้นมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของราคา
• SCGP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อ SCGP จากแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ดีขึ้น และคาดกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 779 ล้านบาทปรับตัวดีจากไตรมาส 4/67 โดยปี 2568 คาดไม่มีรายการพิเศษขนาดใหญ่มารบกวนการฟื้นตัว ประเมินรายได้เติบโต 3-4% QoQ จากปริมาณขายที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในไทย คาดไตรมาส 2/68 จะได้ประโยชน์จากการเติมสต็อกสินค้าก่อน US reciprocal tariff บังคับใช้ในไตรมาส 3/68 สำหรับ Fajar คาดมีผลประกอบการดีขึ้นใน 2568 โดยไตรมาส 1/68 น่าจะขาดทุนลดลงจาก 200 ล้านบาท และมีโอกาส EBITDA breakeven ในไตรมาส 2/68