นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) คาดว่า กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา(EBITDA)ในช่วงไตรมาส 2/51 จะสูงขึ้นประมาณ 15% จากไตรมาส 1/51 ที่มี EBITDA 1.56 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นบาร์เรล/วัน จากกว่า 6 หมื่นบาร์เรล/วันในไตรมาสแรกที่มีการปิดซ่อมบำรุงประมาณ 40 วัน
นอกจากนั้น ยังคาดว่าค่าการกลั่นพื้นฐาน ในไตรมาส 2/51 ไม่น่าจะต่ำกว่าไตรมาส 1/51 ที่อยู่ในระดับ 5.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี EBITDA ส่วนการตลาดในไตรมาส 2/51 มีแนวโน้มติดลบ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนมาก แต่เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นสูงขึ้นและมีสัดส่วนใน EBITDA ถึง 92% ขณะที่ส่วนการตลาดมีสัดส่วนใน EBITDA เพียง 8% ก็คงจะไม่ฉุดค่า EBITDA โดยรวมในไตรมาส 2/51
นายปฏิภาณ กล่าวว่า ทั้งปี 51 บริษัทยังคาดว่า EBITDA จะเติบโตขึ้นประมาณ 15% จาก 2.3 พันล้านบาท(ไมjรวม Stock gain) และคาดว่าค่าการกลั่นพื้นฐานจะไม่ต่ำกว่า 3.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่า 3.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 50 เนื่องจากในปีนี้จะมีสเปรดน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปค่อนข้างสูง และกำลังการกลั่นจะสูงกว่า 7 หมื่นบาร์เรล/วัน จาก 6.6 หมื่นบาร์เรล/วันในปีก่อน
รวมทั้งบริษัทสามารถส่งออกน้ำมันเตาได้ราคาดีกว่าปีก่อน โดยปริมาณส่งออกเดือนละ 150 ล้านลิตร ไปยังตลาดจีนและญี่ปุ่น ในส่วนของจีนบริษัทได้ทำสัญญาขายในราคาคงที่ไว้ 70% ส่วนอีก 30% ขายในราคาตลาด(spot)ซึ่งมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นด้วย
จากนั้นในปี 52 EBITDA ของบริษัทจะเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีนี้มาอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท หลังจากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(PQI) แล้วเสร็จ ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาส 4/51 โดยโครงการนี้จะลดปริมาณการกลั่นน้ำมันเตาเหลือ 9% จาก 31% ในปัจจุบัน
*คาดค่าการกลั่นครึ่งปีหลังต่ำกว่าครึ่งแรกปี 51
นายปฏิภาณ กล่าวว่า ค่าการกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะลดลงจากครึ่งแรกที่อยู่ในระดับประมาณ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าจะทรงตัว หรือมีโอกาสปรับลดลงได้
"เราคิดว่าค่าการกลั่นในครึ่งปีแรกจะดีกว่าที่อยู่ระดับมากกว่า 5 เหรียญ/บาร์เรล แต่ครึ่งหลังมองว่าราคาน้ำมันโลกทรงตัว อาจได้ค่าการกลั่นไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก" นายปฏิภาณ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 120 เหรียญ/บาร์เรล และ โบรกเกอร์หลายแห่ง มองว่าจะอยู่ 110 เหรียญ/บาร์เรล โดยในช่วงไตรมาส 2 นี้เป็นช่วงที่ราคาปรับขึ้นไปสูงสุด และหลังโอลิมปิค ประมาณกลางไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกจะปรับตัวลดลง จากความต้องการของตลาดเอเชียลดลดงโดยเฉพาะจีนและอินเดีย
นายปฏิภาณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ค่าการตลาดโดยเฉลี่ยติดลบ 1 บาท/ลิตร โดยค่าการตลาดน้ำมันดีเซลติดลบมากกว่า 1 บาท/ลิตร ดังนั้น โดยวันนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นไปถึง 123 เหรียญ/บาร์เรล สูงจากไตรมาสก่อนที่มีราคา 91 เหรียญ/บาร์เรล หากราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นระลอก บริษัทก็มีโอกาสจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
*เตรียมโรดโชว์สิงคโปร์-ฮ่องกง มิ.ย.นี้
นายปฏิภาณ กล่าวว่า บริษัทมีกำหนดเดินทางไปโรดโชว์กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ โดยไปร่วมกับโบรกเกอร์ โดยปกติบริษัทจะออกไปโรดโชว์ต่างประเทศประมาณ 3 ครั้ง/ปี เพื่อ update ข้อมูลให้นักลงทุนต่างประเทศรับทราบ โดยปัจจุบันนักลงทุนสถาบันต่างประเทศถือหุ้น BCP กว่า 30% สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการรักษาสัดส่วนให้นักลงทุนสถาบันถือหุ้นในสัดส่วน 30-40%
สำหรับราคาหุ้น BCP ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีนักลงทุนบางกลุ่มต้องการรอผลโครงการ PQI หรือบางรายซื้อเก็บเพื่อหวังผลดีจากโครงการ PQI ฉะนั้น หุ้น BCP จึงไม่ค่อยมีสภาพคล่อง และในช่วงนี้ที่ราคาปรับลดลงมา เนื่องจากในไตรมาสที่ผ่านมาโบรกเกอร์หลายแห่งได้แนะนำลดน้ำหนักการลทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี เพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เกิดปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--