ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก แต่เทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 16.5 จุด หรือ 0.27% แตะระดับ 6,181.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 6,159.4-6,226.2 จุด
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดลอนดอนร่วงลงด้วย โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ร่วงลง 2.1% หุ้น BP ขยับลง 0.5% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปรับตัวลง 3.4% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ดิ่งลง 3.9%
หุ้นโวดาโฟนพุ่งขึ้น 3.1% จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวันอังคารหน้า ส่วนหุ้นเคเบิล แอนด์ ไวร์เลส พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากเคเบิล แอนด์ ไวร์เลสซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมของอังกฤษแถลงว่า บริษัทกำลังพิจารณาเรื่องการแยกกิจการสองแผนกออกจากกันในปีงบดุลบัญชีนี้
หุ้นสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ดีดขึ้น 4.7% หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง และจากการที่สมาคมนักบินของสายการบินอังกฤษแถลงว่า สมาคมได้ถอนคำฟ้องร้องต่อบริติช แอร์เวย์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะไม่มีการสไตรค์หยุดงานของนักบิน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ประกาศเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่ของอังกฤษ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 44 เพนซ์ ปิดที่ 2110 เพนซ์ หุ้นริโอทินโตพุ่งขึ้น 28 เพนซ์ ปิดที่ 6669 เพนซ์ หุ้นเอ็กสตราต้าดีดขึ้น 87 เพนซ์ ปิดที่ 4224 เพนซ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--