BSBM ชะงักส่งสินค้ารอลุ้นรัฐให้ขึ้นราคา/เล็งทบทวนเป้ายอดขายปีนี้ในส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 23, 2008 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM)ชะงักส่งมอบสินค้าเปิดรับแต่ออร์เดอร์มารอไว้ลุ้นกระทรวงพาณิชย์ปรับขึ้นราคาแนะนำเหล็กเส้นตามข้อเสนอ 7 บาท/กก.พร้อมเล็งทบทวนเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 2 แสนตันในช่วงเดือน ส.ค.นี้ให้ใกล้กับความเป็นจริง มีโอกาสทั้งปรับขึ้นและปรับลง ยอมรับแนวโน้มราคาเหล็กยังไม่แน่นอน แต่จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18-19% อย่างไรก็ตามไตรมาส 2/51 ยอดขายยังดี-กำไรโตได้แม้เข้าหน้าฝน จากธุรกิจก่อสร้างเร่งมือแข่งกับต้นทุนที่จ่อปรับราคาขึ้นเกือบทุกตัว
ขณะที่มองความต้องการเหล็กเพื่อการฟื้นฟูสภาพเมืองของจีนหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ระยะสั้นมีผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อราคาเหล็ก แต่ในระยะยาวก็มีสิทธิกระทบซัพพลายในตลาดโลกและราคาจริง หากจีนเร่งระดมวัสดุก่อสร้างถึงขั้นต้องนำ
เข้า
นายวีระวิทย์ ดุละลัมพะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยังคงรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าไว้แต่ยังไม่ส่งมอบ เพื่อรอความชัดเจนของประกาศปรับขึ้นราคาแนะนำเหล็กเส้นที่กระทรวงพาณิชย์กำลังจะประกาศออกมา นอกจากนั้นยังต้องเจรจาตกลงราคาที่สะท้อนราคาในตลาดโลก ณ วันส่งมอบสินค้า
ขณะนี้เหล็กเส้นในประเทศขายที่ราคาแนะนำชนราคาเพดานที่ประกาศไปเมื่อเดือนก.พ.51 แล้ว โดยราคาไม่รวมค่าขนส่งราคาหน้าโรงงานอยู่ที่ 28.25 บาท/ก.ก.
"ถึงแม้เดือนพ.ค.จะมีมติไปแล้วแต่ยังไม่ประกาศก็ต้องรอประกาศ ลักษณะนี้เรารับออเดอร์ได้แต่ยังส่งมอบไม่ได้ต้องรอราคาประกาศให้ชัดเจน วันนี้ถ้าจะคุยราคากันที่จะออเดอร์หรือสั่งจองก็ต้องเป็นราคาที่สะท้อนราคาตลาดโลก แต่ราคาเพดานกลายเป็นข้อจำกัดในการที่จะทำให้ธุรกรรมไหลลื่น แบบนี้ก็หยุดชะงัก เพราะผู้ซื้อผู้ขายทำรายการไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าราคาที่แท้จริงเป็นอย่างไรแต่ทำธุรกรรมไม่ได้ ก็รับซอง(ออร์เดอร์)ไว้เฉยๆ"นายวีระวิทย์ กล่าว
*ทบทวนยอดขายปีนี้จาก 2 แสนตันในส.ค./ความต้องการเหล็กยังสูง แต่ทิศทางราคาขายยังไม่แน่นอน
นายวีระวิทย์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะทบทวนเป้าหมายปริมาณขายในปี 51 อีกครั้งในเดือน ส.ค.นี้ จากยอดที่ตั้งไว้ 2 แสนตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปริมาณขายในปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9 หมื่นตัน เนื่องจากเป้าหมายเดิมได้กำหนดไว้ตั้งแต่ช่วง พ.ย.50 จึงจำเป็นต้องมีการปรับให้เข้าใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด หลังจากสถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป
"ถ้ามีการทบทวนแล้วเห็นว่าแตกต่างมากก็จะปรับเป้าอีกครั้งในเดือนส.ค.51 แต่ตอนนี้ยังคงเป้าเดิมที่ 2 แสนตันไปก่อน ที่เพิ่มขึ้นมากเพราะปีที่แล้วเป็นปีที่ขายน้อยผิดปกติ แต่ถ้าย้อนกับไป 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า 2 แสนตันต่อปีก็ยังค่อนข้างน้อย"นายวีระวิทย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความต้องการเหล็กในประเทศปีนี้ เชื่อว่าน่าจะดีกว่าปีที่แล้วเพราะรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวขึ้น แต่การปริมาณขายยังต้องขึ้นกับความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบเข้ามาได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาราคาเหล็กโลกปรับเพิ่มขึ้นการจัดหาวัตถุดิบทำได้ค่อนข้างลำบาก แย่งซื้อกับทางตะวันออกกลางไม่ไหว และราคาในประเทศกดดัน ทำให้ไม่กล้าสั่งซื้อวัตถุดิบเข้ามามาก เพราะเกรงหากไม่ได้ปรับราคาอาจทำให้ต้องขาดทุน
นายวีระวิทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วปริมาณเหล็กที่ออกสู่ตลาดไม่สมบูรณ์ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นขาดตลาดแต่น้อยลงกว่าที่ควร ผนวกกับราคาเหล็กยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งขณะนี้ราคาเหล็กโลกก็ยังปรับขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เกิน 1,000 เหรียญ/ตันไปแล้ว จากปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 600 เหรียญฯ/ตัน สิ้นปีเกือบ 700 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
"ถึงแม้สถานการณ์ต่างๆดูแล้วเหมือนราคาจะยังคงสูงอยู่ แต่ไม่แน่เพราะมีการเก็งกำไร ซึ่งการเก็งกำไรตัวนี้จะทำให้ราคาผันผวนอย่างรวดเร็วและไม่มีพื้นฐานจะขึ้นหรือลงก็ได้ นี่คือความเสี่ยงของธุรกิจนี้โดยแท้จริง ก็คือความผันผวนของราคาวัตถุดิบ(ราคาเหล็กโลก)"นายวีระวิทย์ กล่าว
ในแง่กำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปี 50 ที่มีกำไรสุทธิ 161 ล้านบาทหรือไม่นั้น ยังต้องขึ้นกับราคาขายในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะบริษัทซื้อวัตถุดิบที่ต้นทุนคงที่ หากแนวโน้มราคาลดลงอาจจะพลิกจากกำไรเป็นขาดทุนได้สำหรับล็อตนั้น ซึ่งอาจมีผลกระทบกับยอดกำไรโดยรวม รวมทั้งขั้นกับการปรับราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหากได้ปรับขึ้น 7 บาท/กก.จาก 28 บาท/กก.ก็จะทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ไว้ที่ 18-19%ได้ จากที่อยู่ในระดับแค่ 11-12%ในไตรมาส 1/51
กรณีที่โบรกฯมองกำไร BSBM จะโตก้าวกระโดดในปี 51-52 เพราะมองจากไตรมาส 1/51 ที่กำไรเติบโตจากไตรมาส 1/50 ถึง 400% ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/51 ก็น่าจะดีต่อเนื่อง หากราคาเหล็กก็ยังดีอยู่ เพราะความต้องการเหล็กในประเทศยังน่าจะดีแม้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้วปกติการก่อสร้างจะลดปริมาณลง แต่ในปีนี้กลับมีการเร่งก่อสร้างให้ทันกับต้นทุนทุกด้านกำลังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
"ราคาเหล็กเพิ่มขึ้นรวมทั้งราคาวัตถุดิบตัวอื่นด้วย ทั้งปูนซีเมนต์ สังกะสี ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ถ้าผมเป็นผู้รับเหมาก็ต้องรีบสร้างให้เร็วเพราะรู้อยู่แล้วว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าราคาจะปรับขึ้น ที่ค้างอยู่ก็จะไม่ชะลอแล้ว ส่งผลดีต่อการขายของบริษัท"นายวีระวิทย์ กล่าว
ส่วนทิศทางปี 52 โดยทั่วไปความต้องการใช้เหล็กในประเทศจะเติบโตตามการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งปกติจะเติบโตไปตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ(GDP)เช่นหาก GDP โต 5% ความต้องการเหล็กก็จะเติบโตประมาณ 5-10%
สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศจีน ระยะสั้นจะมีผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อราคาเหล็ก เนื่องจากจีนจะมีความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างฟื้นฟูสภาพเมือง แต่ทุกวันนี้ตลาดเหล็กในประเทศของจีนและการค้าระหว่างประเทศแยกจากกันอยู่แล้ว เพราะจีนตั้งกำแพงภาษีส่งออก แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลกระทบจริงในระยะยาว หากถึงขั้นที่จีนผลิตในประเทศได้ไม่พอและต้องนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ก็จะกดดันราคาเหล็กในตลาดโลก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ