บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) เดินหน้าขยายกิจการต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.2 พันล้านบาท สร้างโรงพยาบาลใหม่ในเมืองอาบูดาบีและในกรุงพนมเปญ รวมทั้งขยายห้องพักผู้ป่วยสำหรับโรงพยาบาลในประเทศ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีจะเติบโต 15% จาก 1.9 หมื่นล้านบาทในปี 50
ส่วนการถือหุ้นใน บมจ.ประสิทธิพัฒนา(PYT)ผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท ยังไม่มีแผนจะขายหุ้นออก และจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากเชื่อมั่นในอนาคตที่ดี และเชื่อว่าหุ้น PYT จะได้รับการย้ายกลับมาเทรดในหมวดปกติภายในปลายปีนี้
นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ BGH กล่าวว่า ในปีนี้ รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15% จากปีก่อน โดยจะเพิ่มสัดส่วนคนไข้จากต่างประเทศมากขึ้นเป็น 45% จาก 40% ในปีก่อน หลังจากโรงพยาบาลได้ทำการตลาดเพิ่มและ ขยายโรงพยาบาลไปต่างประเทศ โดยเน้นคนไข้แถบตะวันออกกลางและแอฟริกามากขึ้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลในเมืองอาบูดามี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในม.ค. ปี 52 และ ในกรุงพนมเปญ เปิดได้ในปลายปี 52 ขณะที่โรงพยาบาลที่หัวหินจะเปิดได้ในปี 53
นอกจากนี้ ในอนาคตมีแผนจะเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรองรับ ความต้อกงารในการเข้ามารักษาของผู้ป่วยมากขึ้น รวมถึงโรคเฉพาะทาง
นพ.ชาตรี กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/51 อาจปรับตัวลดลงบ้างเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/51 เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจและมีวันหยุดมาก แต่ในไตรมาส 3 และ 4 ก็จะกลับมาเหมือนเดิม
ส่วนโรงพยายาลในเครือ ที่ยังผลขาดทุนอยู่ โดยเฉพาะ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ในปีนี้ ก็น่าจะเห็นกำไรได้ เนื่องจากได้มีการปรับกลยุทธ์ และได้นำแพทย์ จาก BGH เข้าไปรองรับผู้ป่วย ขณะสถานที่ตั้ง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีโอกาสเพิ่มผู้ป่วยต่างประเทศ จึงคาดว่ารายได้จะโต 70-80% ในปีนี้ จากปีก่อนโต 40%
"การที่เรามีบริษัทในเครือ จะทำให้เราสามารถรองรับดีมานด์ของคนที่จะเข้ามารักษาได้มากขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับการเข้าซื้อโรงพยาบาลรามคำแหง(RAM) ที่เราได้ทำคำเสนอซื้อหุ้น RAM ซึ่ง RAM ก็มีอัตราการเติบโตที่ดี" นพ.ชาตรีกล่าว
ขณะเดียวกัน กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท ภายใต้การบริหารของ PYT ซึ่งทางบริษัท ถือหุ้นสัดส่วน 16% ในขณะนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายขายหุ้นออกอย่างแน่นอน และบริษัทจะใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน PYT ที่ได้ออกหุ้นเพิ่มทุน วงเงิน 1 พันล้านบาท เนื่องจากมองว่า ราคาหุ้นอยู่ในระดับถูก เมื่อเทียบกับอดีต แต่อย่างไรก็ตาม หากในอนาคต แนวโน้มราคาของ PYT ปรับตัวสูงขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะขายเช่นกัน ซึ่งคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--