ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงวิตกราคาน้ำมันพุ่ง ฉุดฮั่งเส็งร่วง 329.05 จุด

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 2 ในวันนี้ (23 พ.ค.) จากความวิตกกังวลที่ว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์จะฉุดให้อัตราการใช้จ่ายผู้บริโภค เศรษฐกิจ และผลกำไรของบริษัทลดลง
          โดยหุ้นเลอโนโว กรุ๊ป ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี)  และหุ้นซีนู้ค ลิมิเต็ด บริษัทผู้กลั่นน้ำมันของจีน เป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีร่วงลงในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคม อาทิ ไชน่า โมบาย ได้รับความสนใจจากนักลงทุน อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการเริ่มปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของจีนในเร็วๆนี้
          "นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม โดยเกรงว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะ stagflation" แจ็คสัน หว่อง นักวิเคราะห์จากแทนริช ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
          เศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ อาหาร และเสื้อผ้าที่นำเข้ามาจากเอเชียและยุโรปรายใหญ่ที่สุด โดยในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2551 และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้
          สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 329.05 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 24,714.07 จุด
          สื่อในประเทศจีนรายงานว่า จีนอาจประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมรายหลัก 4 แห่งในวันนี้ ซึ่งอาจส่งสัญญาณให้เห็นถึงการเริ่มปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของจีน
          การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอาจสร้างความท้าทายให้กับไชน่า โมบาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของจีน เพราะบรรดาบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานอาจได้รับการอนุญาตให้เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เช่นกัน
          โดยหุ้นไชน่า โมบาย ตกลง 3.8%
          แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ประมาณ 131.34 ดอลลาร์/บาร์เรลในตลาดเอเชียบ่ายนี้ แต่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นการปรับลดลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น และคาดว่า ความต้องการพลังงานทั่วโลกจะยังคงสูงกว่าอุปทานน้ำมัน
          หุ้นซีนู้ค ลิมิเต็ด ร่วงลง 6.6% หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลง ขณะที่หุ้นเลอโนโว ตกลง 6.8% จากความวิตกกังวลที่ว่า บริษัทอาจไม่สามารถทำกำไรให้แข็งแกร่งเท่ากับระดับในปีงบประมาณที่แล้วได้