ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวอยอร์กที่ร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ และฉุดผลประกอบการของบริษัทเอกชนร่วงลงด้วย
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลง 312.35 จุด หรือ 2.2% แตะที่ระดับ 13,699.85 จุด ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง 77.8 จุด หรือ 2.24% แตะ 3,395.32 จุด
ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดเช้าลบ 479.72 จุด หรือ 1.9% แตะ 24,234.35 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง 23.44 จุด หรือ 1.3% แตะที่ 1,804.50 จุด
คาสเตอร์ ปัง นักวิเคราะห์จากบริษัทซันฮุงไก ไฟแนนเชียลในฮ่องกงกล่าวว่า "ตลาดหุ้นเอเชียถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอาจฉุดผลประกอบการบริษัทเอกชนร่วงลงด้วย"
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2551 ลงสู่ระดับ 0.3-1.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนที่ระดับ 1.3-2.0% นอกจากนี้ เฟดคาดว่า อัตราว่างงานจะอยู่ในช่วง 5.5-5.7% ในปีนี้ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.2-5.3% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.1-3.4% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.1-2.4%
คิม ซุง-บอง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซัมซุง กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกอ่อนตัวลงด้วย เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิก รถยนต์ อาหาร และน้ำมัน รายใหญ่สุดของกลุ่มประเทศเอเชียและยุโรป